Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 เมษายน 2550
ขายตรงดิ้นสู้สร้างเกราะกำบังรับศึกหนัก2พรบ.ฯหวั่นตลาดวูบ50%             
 


   
search resources

Direct sale
ทรงพล ชัญมาตรกิจ




ส.นักการตลาดแบบตรงไทย ตั้งป้อมป้องกันตัวผุดคณะอนุกรรมการฯดูแลข้อกฏหมาย พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมเดินหน้าสร้างการรับรู้เรื่องพรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรงไทย รวมไปถึง พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านการจัดงานสัมมนาทุกเดือน ล่าสุดเริ่มไปแล้ว 2 งาน พบผู้เข้ารับฟังตื่นตัวเป็นอย่างมาก หวั่นงบจัดสัมมนาไม่พอ เร่งหาสปอนเซอร์สนับสนุน ชี้หากพรบ.ทั้ง 2 ถูกใช้ในอีก 2 ปี ธุรกิจเกี่ยวกับไดเร็กมาร์เก็ตติ้งหายไปกว่าครึ่งแน่

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ อดีตนายกสมาคมนักการตลาดแบบตรงไทย หรือ ทีดีเอ็มเอ เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางสมาคมนักการตลาดแบบตรงไทยเป็นผู้ริเริ่มให้กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไดเร็กมาร์เก็ตติ้ง ได้ทำความเข้าใจกับกฏหมายใหม่ที่กำลังจะออกมาบังคับใช้ในอีก 2 ปีข้างหน้าว่าด้วยเรื่องของ พรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรงไทย รวมไปถึง พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ว่าจะมีผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจดังกล่าวอย่างไรบ้าง ผ่านการสัมมนาใน 2 ครั้งที่ผ่านมา พบว่าผู้เข้ารับฟังสัมมนาทั้งที่เป็นสมาชิกของทางสมาคมฯเองและบุคคลภายนอก ล้วนแต่ได้รับทราบถึงผลกระทบที่จะตามมาทั้งสิ้น

ล่าสุดทางสมาคมฯได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาแล้ว 1 ชุด มีโดยมีคณะกรรมการทั้งหมด 6 ท่าน ที่จะเข้ามาดูแลเกี่ยวกับข้อกฏหมายว่าด้วยพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในการหาทางแก้ไข หรือท้วงติงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น แล้วร่างหนังสือต่อหน่วยงานที่ดูแลการร่างพรบ.ดังกล่าวนั้นเอง

“ทางสมาคมฯได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดูแลข้อกฏหมายเกี่ยวกับ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเรียบร้อยแล้ว คาดว่าหลังกลางเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป จะเริ่มดำเนินการได้ และหลังจากนั้นจะมีการร่างหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการร่างพรบ.ดังกล่าวที่จะกำหนดใช้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ว่าควรจะมีการแก้ไขตรงไหนบ้าง จึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับไดเร็กมาร์เก็ตติ้ง หรือส่งผลกระทบน้อยที่สุด”

จากปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากพรบ.ทั้ง 2 ฉบับจะถูกนำมาบังคับใช้นั้น ทางสมาคมฯได้พยายามหาทางแก้ไขอย่างที่สุด จากการที่มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดูแลเกี่ยวกับเนื้อหาของพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว ยังได้นำเอา พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจากประเทศแคนาดา และสหรัฐอเมริกา มาเป็นแม่แบบด้วย ขณะที่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ยังไม่มีประเทศใดมีกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างชัดเจน ล่าสุดในประเทศสิงคโปร์เองก็กำลังจะเริ่มใช้เช่นเดียวกับประเทศไทย

ด้านนางสาวเกษณี สกุลดิษฐ์ นายกสมาคมนักการตลาดแบบตรงไทย หรือ ทีดีเอ็มเอ คนล่าสุด กล่าวต่อว่า ทางสมาคมฯยังคงดำเนินนโยบายหลักตามเดิม โดยเฉพาะการให้ความรู้ในเรื่องของพรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรงไทย รวมไปถึง พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แก่สมาชิก 58 บริษัท และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งล่าสุดได้จัดงานสัมมนาให้ความรู้ในเรื่องดังกล่าวไปแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี ขณะเดียวกันผู้เข้ารับฟังการสัมมนาเองก็ได้ตื่นตัวกับเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก

“ทางสมาคมฯมีนโยบายให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบจากพรบ.ทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อไปแก่กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยตั้งเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นประจำทุกๆเดือน ครั้งละไม่เกิน 20-30 บริษัทฯ แต่เนื่องจากรายได้ของทางสมาคมฯมีไม่มาก จึงมีความจำเป็นที่จะมองหาสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุนเรื่องดังกล่าว ซึ่งในขณะนี้ได้ทำหนังสือ และเริ่มพูดคุยในการหาสปอนเซอร์ไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็น รีดเดอร์ไดเจตส์, การบินไทย และกลุ่มบริษัทเอเจนซี่ซี่ต่างๆ คาดว่าน่าจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”

ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากพรบ.ทั้ง 2 ฉบับ ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาล, โรงแรม,สถาบันการเงิน และกลุ่มธุรกิจที่มีการเก็บข้อมูลทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม นายทรงพล ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเทรนด์ไดเร็กมาร์เก็ตติ้งไว้ว่า ไดเร็กมาร์เก็ตติ้งจะนิยมใช้มากขึ้น ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เนื่องจากจะช่วยลดต้นทุนและเป็นการทำตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่าปีนี้ตลาดไดเร็คมาร์เก็ตติ้งจะมีมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5-10% มาจากไดเร็กทีวี 1,700 ล้านบาท สิ่งพิมพ์อีกกว่า 3,000-4,000 ล้านบาท

“จากตัวเลขของตลาดไดเร็ตมาร์เก็ตติ้งนี้ พบว่าจะมีความสำคัญในการทำธุรกิจมากขึ้น แต่หากพรบ.ทั้ง 2 ฉบับถูกนำมาใช้ คาดว่าน่าจะมีกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเอาข้อมูลของผู้บริโภคมาใช้นั้น จะปิดตัวลงกว่าครึ่งหนึ่ง ดังนั้นทางสมาคมฯเองจึงพยายามผลักดันให้ความรู้และสร้างความเข้าใจพร้อมเตรียมหาวิธีการแก้ไชดังกล่าวแก่สมาชิกและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเอาข้อมูลของลูกค้ามาใช้ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้หลังพรบ.ทั้ง 2 ฉบับมีผลบังคับใช้นั้นเอง” นายทรงพลกล่าวในที่สุด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us