ส.นักการตลาดแบบตรงไทย ตั้งป้อมป้องกันตัวผุดคณะอนุกรรมการฯดูแลข้อกฏหมาย พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมเดินหน้าสร้างการรับรู้เรื่องพรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรงไทย รวมไปถึง พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านการจัดงานสัมมนาทุกเดือน ล่าสุดเริ่มไปแล้ว 2 งาน พบผู้เข้ารับฟังตื่นตัวเป็นอย่างมาก หวั่นงบจัดสัมมนาไม่พอ เร่งหาสปอนเซอร์สนับสนุน ชี้หากพรบ.ทั้ง 2 ถูกใช้ในอีก 2 ปี ธุรกิจเกี่ยวกับไดเร็กมาร์เก็ตติ้งหายไปกว่าครึ่งแน่
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ อดีตนายกสมาคมนักการตลาดแบบตรงไทย หรือ ทีดีเอ็มเอ เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางสมาคมนักการตลาดแบบตรงไทยเป็นผู้ริเริ่มให้กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไดเร็กมาร์เก็ตติ้ง ได้ทำความเข้าใจกับกฏหมายใหม่ที่กำลังจะออกมาบังคับใช้ในอีก 2 ปีข้างหน้าว่าด้วยเรื่องของ พรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรงไทย รวมไปถึง พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ว่าจะมีผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจดังกล่าวอย่างไรบ้าง ผ่านการสัมมนาใน 2 ครั้งที่ผ่านมา พบว่าผู้เข้ารับฟังสัมมนาทั้งที่เป็นสมาชิกของทางสมาคมฯเองและบุคคลภายนอก ล้วนแต่ได้รับทราบถึงผลกระทบที่จะตามมาทั้งสิ้น
ล่าสุดทางสมาคมฯได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาแล้ว 1 ชุด มีโดยมีคณะกรรมการทั้งหมด 6 ท่าน ที่จะเข้ามาดูแลเกี่ยวกับข้อกฏหมายว่าด้วยพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในการหาทางแก้ไข หรือท้วงติงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น แล้วร่างหนังสือต่อหน่วยงานที่ดูแลการร่างพรบ.ดังกล่าวนั้นเอง
“ทางสมาคมฯได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดูแลข้อกฏหมายเกี่ยวกับ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเรียบร้อยแล้ว คาดว่าหลังกลางเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป จะเริ่มดำเนินการได้ และหลังจากนั้นจะมีการร่างหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการร่างพรบ.ดังกล่าวที่จะกำหนดใช้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ว่าควรจะมีการแก้ไขตรงไหนบ้าง จึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับไดเร็กมาร์เก็ตติ้ง หรือส่งผลกระทบน้อยที่สุด”
จากปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากพรบ.ทั้ง 2 ฉบับจะถูกนำมาบังคับใช้นั้น ทางสมาคมฯได้พยายามหาทางแก้ไขอย่างที่สุด จากการที่มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดูแลเกี่ยวกับเนื้อหาของพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว ยังได้นำเอา พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจากประเทศแคนาดา และสหรัฐอเมริกา มาเป็นแม่แบบด้วย ขณะที่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ยังไม่มีประเทศใดมีกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างชัดเจน ล่าสุดในประเทศสิงคโปร์เองก็กำลังจะเริ่มใช้เช่นเดียวกับประเทศไทย
ด้านนางสาวเกษณี สกุลดิษฐ์ นายกสมาคมนักการตลาดแบบตรงไทย หรือ ทีดีเอ็มเอ คนล่าสุด กล่าวต่อว่า ทางสมาคมฯยังคงดำเนินนโยบายหลักตามเดิม โดยเฉพาะการให้ความรู้ในเรื่องของพรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรงไทย รวมไปถึง พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แก่สมาชิก 58 บริษัท และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งล่าสุดได้จัดงานสัมมนาให้ความรู้ในเรื่องดังกล่าวไปแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี ขณะเดียวกันผู้เข้ารับฟังการสัมมนาเองก็ได้ตื่นตัวกับเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก
“ทางสมาคมฯมีนโยบายให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบจากพรบ.ทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อไปแก่กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยตั้งเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นประจำทุกๆเดือน ครั้งละไม่เกิน 20-30 บริษัทฯ แต่เนื่องจากรายได้ของทางสมาคมฯมีไม่มาก จึงมีความจำเป็นที่จะมองหาสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุนเรื่องดังกล่าว ซึ่งในขณะนี้ได้ทำหนังสือ และเริ่มพูดคุยในการหาสปอนเซอร์ไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็น รีดเดอร์ไดเจตส์, การบินไทย และกลุ่มบริษัทเอเจนซี่ซี่ต่างๆ คาดว่าน่าจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”
ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากพรบ.ทั้ง 2 ฉบับ ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาล, โรงแรม,สถาบันการเงิน และกลุ่มธุรกิจที่มีการเก็บข้อมูลทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม นายทรงพล ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเทรนด์ไดเร็กมาร์เก็ตติ้งไว้ว่า ไดเร็กมาร์เก็ตติ้งจะนิยมใช้มากขึ้น ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เนื่องจากจะช่วยลดต้นทุนและเป็นการทำตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่าปีนี้ตลาดไดเร็คมาร์เก็ตติ้งจะมีมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5-10% มาจากไดเร็กทีวี 1,700 ล้านบาท สิ่งพิมพ์อีกกว่า 3,000-4,000 ล้านบาท
“จากตัวเลขของตลาดไดเร็ตมาร์เก็ตติ้งนี้ พบว่าจะมีความสำคัญในการทำธุรกิจมากขึ้น แต่หากพรบ.ทั้ง 2 ฉบับถูกนำมาใช้ คาดว่าน่าจะมีกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเอาข้อมูลของผู้บริโภคมาใช้นั้น จะปิดตัวลงกว่าครึ่งหนึ่ง ดังนั้นทางสมาคมฯเองจึงพยายามผลักดันให้ความรู้และสร้างความเข้าใจพร้อมเตรียมหาวิธีการแก้ไชดังกล่าวแก่สมาชิกและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเอาข้อมูลของลูกค้ามาใช้ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้หลังพรบ.ทั้ง 2 ฉบับมีผลบังคับใช้นั้นเอง” นายทรงพลกล่าวในที่สุด
|