เปิดตัวเลขผลประกอบการเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ฯ ปี 2549 มีรายการทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดใน 7 โครงการ มูลค่า 5,324 ล้านบาท ตัวเลขรายได้จากการขาย 1,601 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นสูงถึง 127.39% เทียบกับปี 48 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังโดดเด่นระดับ 35.47% ดันกำไรสุทธิอยู่ระดับ 260.47 ล้านบาท ด้านประธานเมเจอร์ฯลั่น เป้ายอดขาย 4,000 ล้านบาทไม่น่าห่วง เหตุมียอดขายรอบันทึกรายได้กว่า 3,000 ล้านบาท
บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD ได้รายงานถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงปี 2549 และแนวโน้มในปี 2550 ซึ่งได้รับการตรวจสอบจากสำนักงาน เอินส์ท แอนด์ ยัง (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้สอบบัญชีว่า ในปี 2549 บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 7 โครงการ มูลค่าทั้งสิ้นรวมประมาณ 13,350 ล้านบาท เช่น โครงการฟูลเลอตัน สุขุมวิท มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ของปี 50 โครงการวอเตอร์มาร์ค เจ้าพระยาริเวอร์ ทาวเวอร์ เอ มูลค่า3,900 ล้านบาท คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 51 เป็นต้น โดย ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2549 บริษัทมีมูลค่าที่ทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดขายแล้วของโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 7 โครงการ จำนวน 5,324 ล้านบาท เช่น โครงการวอเตอร์มาร์ค เจ้าพระยาริเวอร์ ทาวเวอร์ เอ มูลค่าที่ทำสัญญา 2,023 ล้านบาท คิดเป็น 51.88% ของมูลค่าโครงการ ความคืบหน้าในการก่อสร้าง ณ วันที่ 31 ธ.ค. 49 อยู่ที่ 23.88% โครงการแมนฮันตัน ชิดลม มูลค่าที่ทำสัญญา 860 ล้านบาท คิดเป็น 68.82% ของมูลค่าโครงการ ความคืบหน้าก่อสร้าง 48.72% เป็นต้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 49 นั้น บริษัทมีรายได้จากการขายหน่วยในโครงการอาคารชุด มูลค่า 1,601.40 ล้านบาท และมีรายได้รายได้อื่นๆ ประมาณ 17.71 ล้านบาท รวมรายได้ 1,619.11 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเมื่อเทียบกับปี 2548 ที่มีรายได้รวมประมาณ 709 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 127.39% เนื่องจากในปี 49 บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากโครงการวอเตอร์มาร์ค เจ้าพระยาริเวอร์ ทาวเวอร์ เอ และโครงการแมนฮัตตัน ชิดลม ประกอบกับยังคงมีการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง จากโครงการฟูลเลอตัน สุขุมวิท และแฮมป์ตัน ทองหล่อ 10 รวม 4 โครงการ ขณะที่ปี 48 สามารถรับรู้รายได้เพียง 2 โครงการเท่านั้น
ในด้านของค่าใช้จ่ายรวม บริษัทมีตัวเลขอยู่ที่ 1,033.33 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้ 63.82% ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 49 เพิ่มขึ้นเป็น 568.07 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.47% ของรายได้จากการขาย ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรจากการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากอัตราส่วนกำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น เนื่องจากมีการปิดการขายโครงการแฮมป์ตัน ทองหล่อ 10 และโครงการฟูลเลอตัน สุขุมวิท ที่กำลังจะปิดโครงการภายในไตรมาส 2 ของปี 50 ขณะที่กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 260.47 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 16.09 %จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.52 บาทต่อหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท)
และเมื่อพิจารณาสินทรัพย์รวมของบริษัท มีการเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 2,778.17 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์รวมดังกล่าว เป็นการเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตและการขยายโครงการของบริษัท ในส่วนของที่ดินรอการพัฒนา ทางบริษัทได้ซื้อที่ดินในจังหวัดนนทบุรี เพื่อนำมาใช้พัฒนาโครงการต่อไปในอนาคต โดยที่ดินดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 5,283 ตารางวา ราคา 2150.1 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถดำเนินการพัฒนาโครงการและเปิดขายได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2551
ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย พบว่าในปี 2549 ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ยลดลงอย่างมาก เนื่องจากโครงการฟูลเลอตัน สุขุมวิท มีความคืบหน้าในการก่อสร้างไปแล้ว 95.78% ทำให้สามารถเริ่มโอนห้องชุดให้ลูกค้าได้ ซึ่ง ณ สิ้น 31 ธ.ค.49 มีการโอนห้องชุดไปแล้วเป็นมูลค่า 1,268.62 ล้านบาท หรือคิดเป็น 79.29% ของมูลค่าดครงการ ทำให้ลูกหนี้การค้าของโครงการดังกล่าว คงเหลืออยู่เพียง 45.84 ล้านบาท นอกจากนี้ ทางบริษัทได้รายงานถึงเงินกู้ยืมระยะยาวว่า ในปี 49 มีเงินกู้เพิ่มขึ้นเป็น 812.07 ล้านบาท เนื่องจากได้เปิดเพิ่มอีก 3 โครงการ
ก่อนหน้านี้ นายสุริยน พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเมน้นท์ฯ กล่าวไว้ว่า ในปี 2550 ทางบริษัทตั้งเป้ายอดขาย 4,000 ล้านบาทท เติบโตถึง 100% จากปี 2549 ที่คาดว่าจะมีรายได้ ประมาณ 2,000 ล้านบาท
"ยอดขายดังกล่าวเชื่อว่าทำได้ไม่ยาก แม้ในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว เพราะบริษัทมียอดขายที่รอบันทึกเป็นรายได้กว่า 3,000 ล้านบาท" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าว
|