เศรษฐกิจไทยออกอาการทรุดต่อเนื่องจากเงินบาทแข็งค่า ล่าสุดยอดจัดเก็บรายได้เดือนมีนาคมต่ำกว่าเป้า 3.6 พันล้าน หรือ 3.4% ฉุดยอด 6 เดือนวูบ 2.3 พันล้าน เผยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มได้รับผลกระทบจากบาทแข็งทำต่ำเป้า 8.6 พันล้าน ฉุดยอดจัดเก็บรวมของกรมสรรพากรหด 2.8 พันล้าน บิ๊กคลังใจดีสู้เสือ ยันจัดเก็บทั้งปีอาจต่ำกว่าเป้าแต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะการคลังและภาพรวมเศรษฐกิจ
วานนี้ (9 เม.ย.) กระทรวงการคลัง โดยนายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือนมีนาคม 2550 ว่า จัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายจำนวน 3,636 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.4 ส่งผลให้ผลการจัดเก็บรายได้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 (ตุลาคม 2549 – มีนาคม 2550) รัฐบาลจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการ 2,304 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.3 อย่างไรก็ตามยังสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.6
"เดือนมีนาคมรัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 103,343 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 3.0 เป็นผลจากกรมสรรพากรจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการ 3,358 ล้านบาท กรมธนารักษ์ จัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการ 157 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการ 2,895 ล้านบาท ขณะที่กรมสรรพสามิต กรมศุลกากรและส่วนราชการอื่นจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการ 87 48 และ 2,784 ล้านบาท ตามลำดับ" นายสมชัยกล่าว
ภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการที่สำคัญ คือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่ำกว่าประมาณการ 2,868 ล้านบาท สาเหตุมาจากภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ รองลงมาได้แก่ ภาษีโทรคมนาคม และภาษีสรรพสามิตรถยนต์ต่ำกว่าประมาณการจำนวน 422 และ 410 ล้านบาท ตามลำดับ โดยภาษีโทรคมนาคมที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการในอัตราสูง เนื่องจากกระทรวงการคลังได้ประกาศลดอัตราภาษีเหลือ 0% ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550 ได้ส่งผลให้รายได้จากภาษีโทรคมนาคมที่จะต้องชำระในเดือนมีนาคม 2550 หายไป 2 วัน
นอกจากนี้รัฐวิสาหกิจจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 2,895 ล้านบาท เนื่องมาจากรัฐวิสาหกิจบางแห่ง (โรงงานยาสูบ และการประปานครหลวง) ได้นำส่งรายได้ในเดือนก่อนหน้าแล้ว และรัฐวิสาหกิจบางแห่งยังไม่สามารถนำส่งรายได้ได้ เนื่องจากอยู่ระหว่าง การตรวจสอบงบการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยภาษีที่เก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษียาสูบ 1,132 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้รับรายได้ส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตรประมาณ 3,000 ล้านบาท ทำให้ส่วนราชการอื่นจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมาย
สำหรับ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 (ตุลาคม 2549 – มีนาคม 2550) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 608,396 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 2,034 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.3 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.6) เป็นผลจากการคืนภาษีของกรมสรรพากรที่สูงกว่าประมาณการ12,780 ล้านบาท (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 15,968 ล้านบาท)
นายสมชัยได้คาดการณ์รายได้รัฐบาลปีงบประมาณ 2550 ว่า จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 ที่ต่ำกว่าเป้าหมาย 2,034 ล้านบาท คาดว่าการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในปีงบประมาณ 2550 นี้ อาจจะจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 1.42 ล้านล้านบาท เล็กน้อย และกระทรวงการคลังมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของฐานะการคลังรัฐบาลแต่อย่างใด
บาทแข็งฉุดภาษีสรรพากร
นายสมชัยกล่าวถึงผลการจัดเก็บรายได้แยกตามหน่วยงานว่า กรมสรรพากร จัดเก็บได้รวม 432,325 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณ 2,813 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.6 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 5.7) ภาษีที่เก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 3,713 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.8 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 12.3) และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 2,534 ล้านบาท หรือร้อยละ 42.0 (สูงว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 23.6) ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 8,594 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.8 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 5.8) เป็นผลจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าต่ำกว่าที่คาดไว้อย่างต่อเนื่อง
กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 149,812 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 8,532 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.0 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 12.8) โดยภาษีที่จัดเก็บส่วนใหญ่สูงกว่าประมาณการและช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ที่สำคัญได้แก่ ภาษีเบียร์ สุรา ยาสูบ และน้ำมัน ส่วนภาษีรถยนต์จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 3,302 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.8 (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 14.4 )
ส่วนกรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 44,827 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 387 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.9 (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 10.4) โดยอากรขาเข้าจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 433 ล้านบาท
นายสมชัยกล่าวถึงการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจว่า นำส่งรายได้รวม 42,334 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2,496 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.3 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 47.8) เป็นผลจากรัฐวิสาหกิจบางแห่งนำส่งรายได้สูงกว่าที่ประมาณการไว้ ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
ขณะที่หน่วยงานอื่น นำส่งรายได้รวม 38,129 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2,457 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.9 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 12.6) เนื่องจากได้รับเงินส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตรประมาณ 6,000 ล้านบาท ในขณะที่รายได้จากค่าภาคหลวงปิโตรเลียมต่ำกว่าประมาณการซึ่งเป็นผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น.
|