|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดหลักทรัพย์ฯเตรียมเซ็นเอ็มโอยูกับตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันเทรดซื้อขายสินค้าจดทะเบียนระหว่างกันตุลาคมนี้ ประเดิมสินค้าแรกกองทุนอีทีเอฟ ระบุจะเริ่มซื้อขายทันทีหรือไม่ขึ้นอยู่กับความพร้อม พร้อมศึกษาดึงบริษัทไต้หวันทำดูโอลิสติ้ง ด้านตลาดนุพันธ์ไทย จับมือตลาดอนุพันธ์ไต้หวันแลกเปลี่ยนข้อมูล
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการหารือกับประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันในเรื่องการร่วมมือระหว่างกันมากขึ้นโดยในเดือนตุลาคมนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการลงนามนับทึกความเข้าใจ (MOU) กับตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันในการซื้อขายสินค้าระหว่างกัน ซึ่งสินค้าชนิดแรกที่จะมีการซื้อขายระหว่างคือ กองทุนอีทีเอฟ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการออกกองทุนดังกล่าวในช่วงไตรมาส3 ปีนี้
ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันนั้นมีอีทีเอฟจำนวน 3 กองทุน แต่เมื่อเซ็นเอ็มโอยูแล้วนั้น จะมีการซื้อขายกันทันทีหรือไม่จะขึ้นอยู่กับความพร้อมและความเหมาะสม ซึ่งจะต้องมีการศึกษาร่วมกันและการร่วมมือในครั้งนี้ก็จะมีการแลกเปลี่ยนพนักงานระหว่างกันเพื่อทราบในเรื่องการดำเนินงานของกันและกัน รวมถึงจะมีการให้บริษัทไต้หวันที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเข้ามาจดทะเบียนในลักษณะการจดทะเบียนสองตลาด (ดูโอลิสติ้ง)ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนไต้หวันเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้
“การเซ็นเอ็มโอยูนั้น ยังไม่แน่นอนว่าจะมีการเซ็นในประเทศไทย หรือจะเป็นที่ประเทศไต้หวัน ซึ่งในเดือนตุลาคมนั้นตลาดหุ้นไต้หวันจะมีการจัดงานเกิดขึ้น ซึ่งประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน อาจจะมาประเทศไทยก่อน แล้วค่อยไปเซ็นเอ็มโอยูที่ไต้หวัน ”นางภัทรียากล่าว
สำหรับระบบการซื้อขายนั้นเซ็นเอ็มโอยูกับตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันนั้นคงไม่ถึงขั้นที่จะมีการถือหุ้นระหว่างกัน เนื่องจากจะต้องมีการพิจารณาในเรื่องโครงสร้างตลาดหลักทรัพย์ฯที่จะเพิ่มความคล่องตัวในการที่จะมีการถือหุ้นร่วมกันได้ ซึ่งตอนนี้ในการปรับโครงสร้างของตลาดหลักทรัพย์หรือการแปรรูปนั้น อยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะบุคคลเข้ามาศึกษา และตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการให้ฝ่ายวิจัยมีการศึกษาเรื่องการแปรรูปในเรื่องความสามารถทางด้านการแข่งขัน และมีการศึกษาตลาดหุ้นในต่างประเทศที่มีการแปรรูปแล้ว
วานนี้(9 เมษายน) นายวิจิตร สุพินิจ ประธานกรรมการ บมจ. ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) หรือ TFEX ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ ดร. รง ไอ วู (Rong-I Wu) ประธานกรรมการตลาดอนุพันธ์ไต้หวัน (Taiwan Futures Exchange- TAIFEX) เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลและศึกษาความเป็นไปได้ถึงแนวทางที่จะพัฒนาธุรกิจร่วมกันในอนาคต
นายวิจิตร เปิดเผยว่า การลงนามในเอ็มโอยูครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญสำหรับ TFEX ในการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้วกับ TAIFEX ให้ดียิ่งขึ้นและเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันในรูปของการจัดสัมมนา การพัฒนาสินค้าใหม่ๆเพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขาย จากที่ตลาดอนุพันธ์ไต้หวันนั้นประสบความสำเร็จในการซื้อขายอนุพันธ์ ซึ่งมีปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์อันดับที่ 18 ของโลก และเป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย โดยมีปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์คิดเป็น 70% ของการซื้อขายของตลาดหุ้นโดยรวมของไต้หวัน
ทั้งนี้จากความร่วมมือในครั้งนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีความร่วมมืออื่นๆมากขึ้น เช่นการซื้อขายอนุพันธ์ข้ามตลาดระหว่างกันซึ่งจะทำให้ง่ายกว่าการซื้อขายหลักทรัพย์ธรรมดาทั่วไป ซึ่งแนวโน้มตลาดหุ้นโลกจากนี้มีแนวโน้มที่จะมีการจับมือร่วมกันมากขึ้น เช่น ตลาดหุ้นเวียดนามขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการศึกษาในเรื่องการปรับโครงสร้างตลาดทุน โดยการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการจับมือร่วมกับใครนั้นก็ต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับ
สำหรับการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ได้เป็นการขายหุ้น โดยโครงสร้างการถือหุ้นนั้นเชื่อว่ารัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วนเงินกองทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯที่มี 10,000 ล้านบาทนั้น หากมีการแปรรูปเกิดขึ้นเงินกองทุนดังกล่าวนั้นคงจะไม่ได้อยู่ภายใต้การบริหารของตลาดหลักทรัพย์ อาจจะมีการจัดตั้งกองทุนขึ้น เพื่อเป็นการพัฒนาตลาดทุน และมีการตั้งคณะกรรมการดูแล
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บมจ. ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดอนุพันธ์ไต้หวัน (TAIFEX) เป็นตลาดอนุพันธ์ชั้นนำที่โดดเด่นมากในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา TFEX จึงสนใจที่จะได้ทำงานร่วมกันกับ TAIFEX โดยโครงการแรกที่จะร่วมมือกันคือโครงการให้ความรู้เกี่ยวกับอินเด็กซ์ ออปชัน ที่ TFEX จะเปิดให้บริการแก่ผู้ลงทุนในช่วงปลายปี 2550 เนื่องจาก TAIFEX มีความเชี่ยวชาญในอินเด็กซ์ออปชันดังนั้นการที่ TAIFEX จะมาให้ความรู้และเล่าประสบการณ์จึงน่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำมาปรับใช้กับตลาดอนุพันธ์ของไทย
“TFEXได้มีการส่งหนังสือไปยังสำนักงานรก.ล.ต.ของประเทศไต้หวันและสหรัฐอเมริกา ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาเพื่อให้นักลงทุนในประเทศดังกล่าวสามารถเข้ามาซื้อขายอนุพันธ์ ไทย” นางเกศรา กล่าวว่า
นาย รง ไอ วู ประธานกรรมการ ตลาดอนุพันธ์ไต้หวัน กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในด้านการเชื่อมโยงระหว่างตลาดและการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร ความร่วมมือระหว่างกันและการสร้างพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ จึงเป็นประเด็นที่ตลาดต่าง ๆ ต้องเร่งพิจารณาเพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว การลงนามครั้งนี้ จะเป็นรากฐานที่ดีต่อการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และศึกษาความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ที่จะก่อให้เกิดการประสานประโยชน์ และเสริมให้ทั้งสองตลาดสามารถเผชิญความท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
|
|
|
|
|