|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ระบุภาวะตลาดอสังหาฯ อยู่ช่วงรอยต่อการชะลอตัว-รอการตัดสินใจเลือกประเภทที่อยู่อาศัย แจงรถไฟฟ้าปัจจัยหลักการตัดสินใจเลือก เชื่ออนุมัติรถไฟฟ้า5สาย ส่งผลลูกค้าทิ้งดาวน์อาคารชุด -ไม่ยอมรับโอน หวังซื้อบ้านเดี่ยวชาญเมืองมีระบบรถไฟฟ้ารองรับ ด้าน "ลลิล"เล็งออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ช่วงปลายไตรมาส 2- 3 ระบุแนวโน้มดอกเบี้ยลดเอื้อ เผยปี 50 ปรับลดขนาดบ้านลง เพื่อให้ขายในราคาถูกลงจากราคาเฉลี่ยปี 49 พร้อมอัดงบการตลาดเพิ่ม 30% หวังช่วยกระตุ้นยอดขาย
นายวีระพล โชควิทยารัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด และการขาย บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ในตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ ถือว่าเป็นรอยต่อระหว่างช่วงการชะลอตัวและรอการตัดสินใจ เลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในตลาด เนื่องจากแนวโน้ม และพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในตลาดยังต้องการที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่มากขึ้นในขณะเดียวกัน ก็ต้องการความสะดวกในการเดินทางเข้าสูงเมือง หรือระบบคมนาคมที่สะดวกรวดเร็ว โดยมีระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชลเชื่อการเดินทางเข้าเมือง
ดังนั้น เหตุผลที่ในปัจจุบันนี้ผู้บริโภคยังชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย เนื่องจากยังต้องการเลือกประเภทที่อยู่อาศัย โดยมีปัจจัยหลักในการตัดสินใจคือระบบขนส่งรถไฟฟ้ามวลชน โดยพบเชื่อว่าระหว่างการเลือกซื้อคอนโดมิเนียม ที่มีพื้นที่จำกัด กับบ้านเดี่ยวชาญเมือง ที่มีระดับราคาขายใกล้เคียงกัน แต่มีพื้นที่รอบนอก และสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ พร้อมด้วยสิ่งแวดล้อมที่ดี มีระบบรถไฟฟ้ารองรับการเดินทางเข้าแหล่งศูนย์กลางธุรกิจรวมถึงแหล่งงาน
" หากรองถามใจตัวทุกคนดูว่าถ้าเราจะซื้อที่อยู่อาศัย ราคาขายใกล้เคียงกัน แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวก และสิ่งแวดล้อมที่ดี และมีพื้นที่ในการอยู่อาศัยมากกว่า แต่อาจจะใช้ระยะเวลาในการเดินทางเข้ามาเมือง หรือแหล่งงานมากกว่ากันไม่เกินครึ่งชั่วโมง โดยการเดินทางผ่านระบบรถไฟฟ้าเหมือนกัน เราจะตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยประเภทใดระหว่างคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้าในเมืองกันบ้านเดี่ยวติดแนวรถไฟฟ้าชาญเมือง"
ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากที่มีการประมูลและเริ่มก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 5สายตามนโยบายของรัฐบาลแล้ว เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะก่อให้เกิดการทิ้งดาวน์ห้องชุด และหันไปจองซื้อบ้านเดี่ยว หรือ อาจจะมีการไม่รับโอนห้องชุดของลูกค้า เนื่องจากลูกค้าต้องการซื้อบ้านเดี่ยวชาญเมือง โดยยอมเสียเงินในส่วนที่จ่ายไปแล้ว นอกจากนี้ในกรณี การรอการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า โครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าจากสถานีตากสิน-สาทร ที่ กทม. ก่อสร้างยื่นออกไปยังฝั่งธนบุรีอีก 2.2 กิโลเมตร นั้นจะเข้าข่าย พรบ. ร่วมทุนหรือไม่ เนื่องจากมูลค่าการก่อสร้างสูงกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าโครงการย่านฝั่งธนบุรีด้วย
เนื่องจากหาก คณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความโครงการดังกล่าวเข้าข่ายการร่วมทุนตาม พรบ. ร่วมทุนเอกชน แล้วจะต้องมีการยืดระยะเวลาการเปิดใช้โครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าอีกกว่า 1ปี ซึ่งระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นอาจจะมีผลให้ผู้บริโภคเปลี่ยนใจ หรือชะลอการตัดสินใจซื้อออกไปอีก
เตรียมออกหุ้นกู้3,000ล้านปลายหลังดอกเบี้ยลด
ด้านนายไชยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปลายไตรมาส 2- ไตรมาส 3 จะออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเพราะดอกเบี้ยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับหากรัฐบาลออกมาตรการช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจก็จะยิ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ภาวะตลาดดีขึ้นมา แต่ทั้งนี้จะต้องไม่มีภาวะความไม่สงบทางการเมืองหรือปัจจัยลบเข้ามากระทบอีก
ส่วนการนำเสนอ 7 มาตรการ ที่ 3 สมาคมนำเสนอต่อกระทรวงการคลัง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวได้นำเสนอต่อกระทรวงการคลังนั้น คงต้องรอลุ้นให้ผ่านที่ประชุมคระรัฐมนตรี ทั้ง 7 มาตรการ แต่มี 2 ประเด็นสำคัญที่รัฐบาลควรดำเนินการก่อน คือ การสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้กลับมาโดยเร็ว ภายหลังที่เกิดสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภค อาทิ น้ำมัน, ดอกเบี้ย และการเมืองที่ไม่สงบทำให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นและมีความกังวลว่าจะส่งกระทบสภาวะเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วนี้รัฐบาลส่งสัญญาณบางอย่างออกมาว่า ได้มีการกำหนดการเลือกตั้งที่แน่นอนและ มีการเซ็นสัญญา เอฟทีเอ กับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า นโยบายเศรษฐกิจกับการเมืองจะเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติในอีกไม่นาน ดังนั้นหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว รัฐบาลควรเร่งรัดให้มีการออกรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็ว และต้องเร่งรัดจัดทำโครงการรถไฟฟ้า 2 สายที่จะทำให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นการกระตุ้นการลงทุนครั้งใหม่ทั้งภาคเอกชนและผู้บริโภคด้วย
นายไชยันต์ กล่าวว่า การออกมาตรการอสังหาริมทรัพย์ นั้นเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะเป็นตัวช่วยทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้นที่สำคัญ มาตรการทางการเงิน ในการหาซอฟต์โลนวงเงิน 30,000 ล้านบาท เพื่อนำปล่อยสินเชื่อแก่คงซื้อบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ 4.75% คงที่ 3 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท มาตรการนี้จะช่วยให้ดีมานส่วนหนึ่งที่ยังลังเล ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้กับมาได้
สำหรับนโยบายหลักของบริษัทฯ ในปีนี้ จะเน้นการเอาใจใส่กับลูกค้าได้ใกล้ชิดกับโครงการให้มากขึ้น โดยการทำ CRM รวมถึงเพื่อให้ทราบถึงความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น พร้อมทั้งการปรับกลยุทธ์การบริการหลังการขาย โดยในปีนี้ บริษัทฯ ได้จัดสรรงบการตลาดเพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปีที่ผ่านมาใช้ไป 60 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขงบการตลาดในปีนี้ต้องขึ้นอยู่กับโครงการใหม่ที่จะเปิดขึ้นด้วย ในขณะการส่งเสริมการขาย บริษัทฯ อาจจะมีการออกแพ็กเก็จใหม่ๆให้กับลูกค้าที่ซื้อโครงการเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้มากขึ้นด้วย ส่วนการเปิดโครงการใหม่ ทั้งปี ประมาณ 4-5 โครงการ
นอกจากนี้ในปีนี้ ในสภาวะเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัว บริษัทฯ ยังได้มีการปรับลดขนาดของบ้านให้มีขนาดเล็กลงและปรับราคาบ้านลดลงประมาณร้อยละ 10-15 ซึ่งปีที่ผ่านมาราคาบ้านโดยเฉลี่ยต่อหลัง 2.6- 2.7 ล้านบาท เพื่อให้เหมาะสมกับกำลังซื้อที่ลดลง
|
|
|
|
|