Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์2 เมษายน 2550
กลยุทธ์การตลาด:Viral Marketing คลิปเหลนแค่แซมเปิ้ลเท่านั้น             
 


   
www resources

โฮมเพจ DTAC

   
search resources

โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น, บมจ.
DTAC
Marketing




"ที่รัก เธออยู่ที่ไหน เธอทำอะไรอยู่นะ อยากให้เธอรู้ ฉันคิดถึงเธออยู่นะ ฮา..."

เสียงร้องเพลงแปลงน่ารัก ๆ ของบี้ เดอะสตาร์ ผสานกับคอสตูมและท่าเต้นเลียนแบบเรน

ทว่าหนุ่มผู้มีหน้าเป็นอาวุธ ที่ร้องและเต้นอยู่นั้น มีนิคเนมว่า "เหลน"

รับบทเป็นนักร้องนำในโฆษณาชุดใหม่ของ "แฮปปี้ ดีแทค"

"... แต่ฉันไม่โทรบ่อย ที่ฉันไม่โทรบ่อย เก็บไว้คิดถึงกัน ... I miss you"

แล้วลงท้ายโฆษณา 60 วินาทีชิ้นนี้ด้วย

... โทรแต่พอดี ... ใช้เท่าที่จำเป็น ... แฮปปี้ จากดีแทค


เป็นโฆษณาที่รณรงค์การใช้มือถืออย่างพอดี ตาม Positioning ของแบรนด์แฮปปี้ ที่เน้นความ "พอดี-ใจดี"

แต่เนื้อหาของโฆษณาที่ทำให้ให้คนอมยิ้มได้ ยังไม่น่าสนใจเท่ากับ "วิธีการ" สื่อสารการตลาดของโฆษณาชิ้นนี้

แฮปปี้เลือกใช้วิธีที่เรียกว่า "Viral Marketing"

"ทดลองดู อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง" ธนา เธียรอัจฉริยะ เบอร์สองของดีแทค ผู้ดูแลแบรนด์แฮปปี้ให้สัมภาษณ์กับผมในรายการวิทยุ

"แต่ที่เราทำเรียกว่า Viral Communication มากกว่า ไม่ใช่ Viral Marketing แบบเต็มรูปแบบ"

แฮปปี้ได้ผลิตภาพยนตร์โฆษณาสนับสนุนการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างพอดี ใช้ชื่อว่า "แฮปปี้โทร.พอดีพอดี" ซึ่งจะเปิดตัวเป็นครั้งแรกผ่านทางการส่งอีเมล์ให้กัน เพื่อเป็นการรณรงค์ให้กลุ่มวัยรุ่นใช้โทรศัพท์เท่าที่จำเป็นและใช้ด้วยความพอดี

"นับเป็นการนำแนวคิดการตลาดที่เรียกว่า Viral Marketing ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในต่างประเทศมาใช้เป็นครั้งแรกของวงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ก่อนที่จะนำออกฉายจริงในเดือนหน้าทางโทรทัศน์ หรือจะรับชมผ่านทางเว็บไซต์ www.happy.co.thก็ได้"

ภาพยนตร์โฆษณาที่แฮปปี้เตรียมจะตัดเป็นคลิปวิดีโอ โดยจะนำไปโพสต์ไว้ในเว็บไซต์ชื่อดัง เวบไซต์ยูทูบ (www.youtube.com) ปัจจุบันถือเป็นเวบไซต์ที่ให้บริการรับฝากและแลกเปลี่ยนภาพวิดีโอออนไลน์แหล่งใหญ่ที่สุด

เนื้อหาของภาพยนตร์โฆษณาดังกล่าวทางแฮปปี้ได้นำท่วงทำนองคล้ายเพลง "I need somebody" มาแปลงเนื้อเพลงใหม่ โดยมีนักแสดงที่มีนิกเนมว่า น้อง "เหลน" เป็นตัวเอก และใช้พลังของเพื่อให้บรรดาสาวกไซเบอร์, บนเว็บพันทิปดอตคอมของไทย พร้อมทั้งให้พนักงานดีแทคช่วยกันส่งต่อคลิปวิดีโอไปยังพี่น้องเพื่อนฝูงบนไซเบอร์สเปซช่วยกระจายต่อๆ กันไป

"เราจะลองกระจายผ่านยูทูบก่อนประมาณ 2 สัปดาห์ วัดผลว่าจะมีคนสนใจเข้ามาดู และฟอร์เวิร์ดต่อกันแค่ไหน ในส่วนตัวถ้าหากมีคนฟอร์เวิร์ดคลิปนี้มาให้ผม ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว"

แต่นั่นยังไม่เท่าไหร่ ธนาตัดสินใจนำคลิปนี้ขึ้นเวปดีแทค แล้วให้คนเข้ามาส่งต่อ โดยมีสินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ติดมือกลับไปด้วย

"เอาคลิปไปปะในเวปแฮปปี้ ถ้าคนมาโหลดไป แล้วส่งให้เพื่อน 3 คน เราจะให้โทรฟรี 20 บาท" ธนาเล่า

"หนังเรื่องนี้เป็นหนังรณรงค์ให้คนใช้มือถืออย่างพอดี ถ้าเป็นหนังโฆษณาขายของของเรา คงไม่มีใครจะไปฟอร์เวิร์ดต่อให้กันดู"

"จริง ๆ ทางตัวผมเองและทีมงานได้เข้าไปตอบคำถาม และนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับดีแทคมานานกว่า 7-8 ปีแล้วในห้องสนทนา เว็บบอร์ดของพันทิพ ที่ห้องมาบุญครอง โดยใช้ชื่อเปิดเผยชัดเจนว่าเป็น ธนา ดีแทค" เขาให้สัมภาษณ์นิตยสาร Positioning

ในอนาคตอันใกล้ แฮปปี้จะมี www.thehappyvirus.com เป็นเครื่องมือหนึ่งในการทำให้แบรนด์ Happy เข้าใกล้กับกลุ่มวัยรุ่นมากยิ่งขึ้น จากเดิมภาพของแบรนด์ Happy จะออกไปในกลุ่ม Mass มากกว่า ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ตามสไตล์แฮปปี้ ที่ขอแถลงเป็นระยะๆ ตอนนี้จึงขออุบไว้ก่อน

ในปี 2550 แฮปปี้จะเร่งสร้างบริการและกิจกรรมที่ตรงบุคลิกของแบรนด์พร้อมตอบโจทย์การตลาด ต่อยอดบริการใจดีเพิ่มขึ้นอีก นำร่องด้วย "ใจดีให้โอน" และ "ใจดีแจ้งเครือข่าย" ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าและรองรับโปรโมชั่นโทรในเครือข่าย เปิดศักราชใหม่สู่เป้าหมายลูกค้า 3 ล้านรายและเป็นผู้นำที่อยู่ในใจลูกค้าระบบเติมเงิน วางเป้าหมายครองส่วนแบ่งการตลาดในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 35%

การทดลองทำ Viral Marketing แฮปปี้ถือว่าประสบความสำเร็จหรือไม่

และเป็นสัญญาณอะไรต่อทิศทางการตลาดในอนาคตหรือเปล่า



บทวิเคราะห์

Viral Marketing ไม่ใช่เรื่องใหม่

แท้ที่จริงก็คือ Word of Mouth Marketing หรือการตลาดแบบปากต่อปากนั่นเอง

การตลาดประเภทนี้เป็นการตลาดต้นทุนต่ำ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ไม่มีเงินถุงเงินถังเพื่อใช้ในการสื่อสารการตลาด

อย่างไรก็ตามในระยะหลัง บริษัทใหญ่ก็หันมาใช้ Viral Marketing เช่นกัน ไม่ใช่เพราะลงทุนน้อยอย่างเดียวเท่านั้น แต่เพราะความมีประสิทธิผลของการตลาดประเภทนี้ต่างหาก

ที่ฮิตกันตอนนี้ก็คือการส่งคลิปโฆษณาไปอัพโหลดไว้ที่ www.youtube.com

อันที่จริงอาจเรียกการตลาดประเภทนี้ว่า การตลาดโรคระบาด(epidemic Marketing) เพราะการแพร่ของไวรัสก็คือการแพร่ของโรคระบาดนั่นเอง

ในเชิงธุรกิจ การวิเคราะห์ Pattern โรคระบาด (Epidemic) จากนั้นนำ Pattern ดังกล่าวมาหลอมรวมกับกลยุทธ์การตลาดคือการเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส

มันจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์และแบรนด์นั้นประสบความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึงโดยที่นักการตลาดไม่ต้องทุ่มทุนงบโฆษณาโดยเปล่าประโยชน์

Malcolm Gladwell นักเขียนลือนามจาก The New Yorker ได้ศึกษาเชื่อมโยงการแพร่ของโรคระบาดเพื่ออธิบายการประสบความสำเร็จของสินค้าและแบรนด์ต่างๆ รวมไปถึงการอธิบายปรากฏการณ์ของโรคระบาดทางสังคมต่างๆ

Gladwell เขียนในหนังสือชื่อ Tipping Point เขาบอกว่าการระเบิดระเบ้อของสินค้าหรืออะไรก็ตาม ที่จู่ๆ ก็อุบัติขึ้นราวกับไฟไหม้ฟางนั้น ล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้ Pattern ของโรคระบาดทั้งสิ้น

กฎข้อแรกของโรคระบาดคือ ผู้แพร่เชื้อมีจำนวนน้อยมาก

ในกรณีหนังโฆษณาเหลนนั้น เพียงนำคลิปโฆษณาไปอัพโหลดที่ youtube.com จากนั้นก็กระจายข่าวผ่านการประชาสัมพันธ์โดยการใช้อีเมล์มาร์เก็ตติ้ง คือ Forward mail จากกลุ่มพนักงานและคนรู้จัก รวมถึงอีเมล์จากฐานลูกค้าและออกข่าวประชาสัมพันธ์โดยการให้ข่าว
หากเป็นแฟชั่น เทรนด์หรือสินค้าต่างๆ ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ในเวลาต่อมานั้น ก็จะเกิดจากคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่งคนเหล่านี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา

คนเพียงหยิบมือเดียวแต่สามารถแพร่ระบาดความคิด แฟชั่นหรือสินค้าให้คนหมู่มากนิยมนั้นคือผู้ทรงอิทธิพล

กฎข้อสองคือปัจจัยที่ติดตรึง (Stickiness Factor) เมื่อต้องการแพร่ความคิดหรืออุดมการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งไปนั้น

สิ่งที่นักการตลาดต้องครุ่นคิดอย่างมากก็คือ ทำอย่างไรให้ความคิดนั้นแพร่ไปราวโรคระบาด คือแพร่ไปโดยเร็วที่สุดและไปถึงคนมากที่สุด

และที่สำคัญก็คือ ต้องไม่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา การติดตรึงนั้นหมายถึง "สาร" ที่สื่อออกไปนั้นจะมี Impact มาก สลัดจากหัวไม่ได้

ในกรณีของการส่งคลิปวิดีโอนั้น ปัจจัยตราตรึงก็คือ ตลก สนุก แปลก เซ็กส์ ความลับ ฯลฯ

หรือต้องได้ผลตอบแทนจากการแพร่เชื้อ

ในกรณีคลิปเหลนนั้น ปัจจัยตราตรึงก็คือใครมาคลิกดูและส่งต่อให้เพื่อนอีก 3 คน จะเติมเงินเพิ่มให้ 20 บาท(เฉพาะในเว็บดีแทค)

กฎข้อสามคือบริบท (Context) มีความสำคัญมากต่อการแพร่ของโรคระบาด ไทยจะไม่เกิดโรคหวัดนกเลย หากเหล่าสกุณาไม่บินหนีหนาวจากไซบีเรียมาหาอากาศอบอุ่นในประเทศไทย โดยเฉพาะที่นครสวรรค์ ณ บึงบอระเพ็ด ซึ่งเป็นสวรรค์ของวิหคอพยพ

สภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้โรคไข้หวัดนกแพร่ที่นครสวรรค์เป็นแห่งแรกก่อนจะแพร่ระบาดไปเกือบครึ่งประเทศ

เช่นเดียวกัน คลิปเหลนและคลิปอื่นๆที่สามารถทำให้คนเข้าไปเปิดดูและบอกต่อแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็วนั้น เป็นเพราะภายใต้บริบทปัจจุบัน ความนิยมเว็บไซด์ youtube.com เพิ่มขึ้นมาก ใครต่อใครก็อัพโหลดคลิปไปที่เว็บนี้ทั้งสิ้น อีกทั้งอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงยังเป็นที่แพร่หลาย

ดังนั้นการใช้ Viral Marketing โดย forward คลิปวิดีโอ จึงมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าสมัยก่อน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us