Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์2 เมษายน 2550
การเมืองเปลี่ยนขั้ว-เศรษฐกิจชะงัก แอสคอนปรับทัพ-ระดมทุนครั้งใหญ่             
 


   
search resources

Construction
แอสคอน คอนสตรัคชั่น, บมจ.




แอสคอนทบทวนกลยุทธ์หลังไร้เงาอำนาจเก่า สร้างโอกาสชนะประมูลรถไฟฟ้า เตรียมดึงพันธมิตรใหม่ญี่ปุ่นร่วมวงเยอรมัน หวังผูกใจเจบิคผู้ปล่อยกู้ เดินหน้าประมูลหางาน สร้าง Backlog ก้าวกระโดด 5,000 ล้าน หวังรายได้เติบโต 2,500 ล้าน หลังมติบอร์ดไฟเขียวเพิ่มทุนเป็น 400 ล้านบาท เผยใช้ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ เสริมรายได้หลังภาวะธุรกิจรับเหมาชะลอ

แม้ที่มาที่ไปของแอสคอนก่อนหน้าที่จะกลายเป็นผู้รับเหมารายยักษ์รับงานทั้งภาครัฐและเอกชนในขณะนี้ จะเป็นเหมือนภาพลางๆ ที่น้อยคนจะรู้เบื้องหลังก็ตาม แต่หลายคนคงจำได้ว่าในยุครัฐบาลเก่า ชื่อเสียงของแอสคอนกลับโดดเด่นขึ้น เพราะชนะประมูลงานภาครัฐหลายงาน งานที่เด่นๆ คือ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และผู้บริหารยังแสดงความมั่นใจว่าจะชนะการประมูลงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่อีกด้วย เพราะณ เวลานั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าแอสคอนมีบิ๊กแห่งพรรคไทยรักไทยคอยหนุนหลัง รวมทั้งมีกลุ่มจุฬางกูร ที่มีความสัมพันธ์กับสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการพรรคไทยรักไทยเช่นกัน อยู่ในอันดับแรกๆ ของผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทด้วย

เมื่อขั้วอำนาจการเมืองเปลี่ยน จึงไม่อาจหนุนแอสคอนให้ชนะประมูลอย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐยังไม่ชัดเจน ทำให้แอสคอนต้องหันกลับมาทบทวนทิศทางที่ธุรกิจจะเดินไปอีกครั้ง ซึ่ง พัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) บอกว่า บริษัทมีการปรับนโยบายการบริหารจัดการ โดยให้ความสำคัญกับความเสี่ยง ต้นทุน และกระแสเงินสดมากขึ้น จึงทำให้ความเร็วในการทำงานเพื่อรับรู้รายได้ช้าลงไปเล็กน้อย

ปีนี้บริษัทตั้งเป้าสร้าง Backlog ให้ได้ 5,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมี Backlog อยู่แล้ว 3,200 ล้านบาท คาดว่าในสิ้นเดือนนี้จะมีการเซ็นสัญญาก่อสร้างเข้ามาอีก 1,000 ล้านบาท เป็นงานสาธารณูปโภคภาครัฐ และงานคอนโดมิเนียมภาคเอกชน และตั้งเป้ารับรู้รายได้ 2,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 80% จากปี 2549 ที่มีรายได้ 1,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะประมูลงานใหม่เข้ามาเรื่อยๆ เพื่อรักษาระดับ Backlog 5,000 ล้านบาทนี้เอาไว้ให้ได้ภายใน 2 ปี

ก่อนหน้านี้แอสคอนได้เซ็น MOU กับบริษัท ดิวิดัก อินเตอร์เนชั่นแนล จีเอ็มบีเอช ซึ่งเป็นบริษัทลูกของสตราบัก เอสอี ยักษ์ใหญ่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจากเยอรมัน เพื่อเข้าร่วมประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า 5 สาย มูลค่า 165,000 ล้านบาทของรัฐบาลในนามกิจการร่วมค้า โดย พัฒนพงษ์ กล่าวเพิ่มว่า ยังสนใจจะใช้กิจการร่วมค้านี้ไปประมูลงานขนาดใหญ่อื่นๆ ด้วย โดยจะเป็นงานขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูงกว่า 1,000 ล้านบาท และเป็นงานในต่างประเทศ ซึ่งกิจการร่วมค้าได้เซ็นสัญญางานก่อสร้างโรงแรม 16 แห่งของกลุ่มแอคคอร์ในเวียดนาม มูลค่า 10,000 ล้านบาทไปแล้ว คาดว่าจะศึกษาโครงการเสร็จ และเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาส 3

เพราะความหวังส่วนหนึ่งฝากไว้กับเมกะโปรเจกต์ ซึ่งมีมูลค่างานมหาศาล ทำให้แอสคอนตัดสินใจที่จะปรับสัดส่วนพันธมิตรในกิจการร่วมค้า จากเดิมมีเพียงกลุ่มทุนเยอรมันที่มีความเชี่ยวชาญในโนว์ฮาว มาเป็นการดึงกลุ่มทุนญี่ปุ่นเข้ามาร่วมด้วย เพราะหากรัฐบาลจะต้องกู้เงินธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างแห่งประเทศญี่ปุ่น (เจบิก) ในเบื้องลึกหากแอสคอนมีพันธมิตรญี่ปุ่นร่วมด้วยตามข้อตกลงที่เจบิกต้องการ โอกาสที่จะชนะประมูลย่อมมีสูงขึ้น ซึ่ง พัฒนพงษ์ บอกเพียงว่าเป็นแผนระยะยาว แต่ขณะนี้อยู่ในระหว่างพิจารณากลุ่มทุนญี่ปุ่นที่เข้ามาเจรจาด้วย 2-3 ราย

นอกจากนี้มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังอนุมัติให้บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 200 ล้านบาทเป็น 400 ล้านบาท เพื่อนำมาเป็นเงินหมุนเวียนในการลงทุน นอกจากนี้ยังอนุมัติให้ซื้อโครงการคอนโดมิเนียม ดิ อินสไปร์ พระราม 9 จำนวน 700 ยูนิต ในราคาไม่เกิน 475 ล้านบาท ปัจจุบันเป็นโครงการที่แอสคอนกำลังดำเนินงานก่อสร้าง และมียอดขายแล้วกว่า 60% ซึ่งหากขายได้หมดในปีนี้ จะมียอดรับรู้รายได้เข้ามา 1,400 ล้านบาท

การเข้าไปซื้อโครงการดังกล่าวถือเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันภาวะการเมืองและเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลทำให้โครงการลงทุนของภาครัฐหดหายไปด้วย ดังนั้นจึงต้องแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นตัวเสริม เพื่อให้มีรายได้เข้ามาหล่อเลี้ยงแทนงานรับเหมาที่หดหายไป ซึ่งบริษัทฯ อยู่ในระหว่างศึกษาเพื่อตัดสินใจซื้ออาคารร้างมาพัฒนาต่ออีก 2-3 โครงการ ได้แก่ รีสอร์ตที่หัวหิน และโครงการอีก 2 แห่งในกรุงเทพฯ ทั้งนี้มองโครงการที่มีโอกาสและศักยภาพเพียงพอเท่านั้น เน้นอาคารสูง เนื่องจากแอสคอนมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว โดยคาดว่าปีนี้จะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 30% จากเดิมที่รายได้มาจากธุรกิจรับเหมา 100%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us