ครีมกันแดดเปิดศึกรับลมร้อน "วาสลีน" เทงบ 80 ล้านบาท ส่งแคมเปญ "วาสลีน ฟูลซันดับเบิ้ลฟันแฟร์" ท้าประสิทธิภาพซันบล็อค โลชั่น ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 รับกระแสการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น เนื่องจากผู้เล่นที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก มุ่งเอดดูเคทผู้บริโภคตั้งเป้าโกยยอดขายช่วงหน้าร้อน 25% ภายใน 2 เดือน จากภาพรวมตลาดกันแดดที่คาดว่าจะโตขึ้น 33%
แม้ปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดจะมีมูลค่าเพียง 570 ล้านบาท ยังถือว่าเป็นตลาดที่มีขนาดเล็กมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ตอนนี้มีมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท แต่จากการเติบโตของตลาดกันแดดที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมามีการขยายตัวถึง 33% และคาดว่าจะมีการอัตราการเติบโตขึ้นอีก 33% ในปีนี้ ขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีการเติบโตเพียง 4% ส่งผลให้ตอนนี้ผลิตภัณฑ์กันแดดกลายเป็นตลาดที่เนื้อหอมไม่แพ้กัน
โดยปีนี้ วาสลีน ของค่ายยูนิลีเวอร์เปิดฉาก ด้วยการทุ่มงบกว่า 80 ล้านบาท จัดแคมเปญ "วาสลีน ฟูลซันดับเบิ้ลฟันแฟร์" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ที่ริมหาดจอมเทียน พัทยา เพื่อร่วมท้าพิสูจน์ประสิทธิภาพของ "วาสลีน เฮลธี้ ซันบล็อค โลชั่น" อีกครั้งในวันที่ 28 - 29 เมษายนนี้ หลังได้การตอบรับเป็นอย่างดีเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งวัดจากจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่จัดขึ้นบริเวณริมหาดจอมเทียน พัทยามากกว่า 10,000 คน รวมทั้งยอดขายที่เพิ่มขึ้น 20%
ทั้งนี้ การที่วาสลีนต้องหันมาให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรม เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีประสบการณ์ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์โดยตรงนั้น เป็นไปได้ว่า วาสลีนเพิ่งเข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดได้ไม่นาน ขณะที่เบอร์ 1 อย่างแบรนด์นีเวีย ของค่ายไบเออร์ สด็อร์ฟ ทำตลาดมานานและครองตำแหน่งแชมป์ ด้วยส่วนแบ่งกว่า 36% จากตลาดรวมผลิตภัณฑ์กันแดด 570 ล้านบาท โดยการทำตลาดในสินค้ากลุ่มกันแดดของค่ายไบเออร์ฯส่วนใหญ่จะเน้นที่การโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ การทำโปรโมชั่นรูปแบบอื่นๆ หรือการออกนวัตกรรมใหม่ ที่ล่าสุดเปิดตัวสินค้ากลุ่มกันแดดที่ปราศจากความเหนียวเหนอะหนะออกมาตอบสนองผู้บริโภคเมื่อปีที่ผ่านมา จากการทำตลาดในกลุ่มกันแดดอย่างจริงจังมานานของค่ายนี้ ทำให้ผู้บริโภคจึงให้ความเชื่อถือในเรื่องประสิทธิภาพโดยไม่ต้องมีการจัดกิจกรรมหรือแคมเปญอะไนฃรออกมากระตุ้นมากนัก
ส่งผลให้วาสลีนต้องทุ่มเม็ดเงินมากกว่าในการจัดกิจกรรม นอกเหนือจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อเพียงอย่างเดียว โดยหวังว่า "วาสลีน ฟูลซันดับเบิ้ลฟันแฟร์" จะช่วยสร้างการรับรู้และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในวงกว้างได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยจำนวนส่วนแบ่งตลาด 13% ของวาสลีนที่มีอยู่ในตอนนี้ แม้จะยังห่างจากผู้นำตลาดหลายช่วงตัว ทว่าด้วยระยะเวลาเพียง 2 ปีที่วาสลีนเข้ามาบุกตลาดกันแดดนั้น จนขึ้นเป็นเบอร์ 2 ได้ นับว่าเป็นส่วนแบ่งที่สูงโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับผู้เล่นรายอื่นที่อยู่ในตลาดนี้มานานกว่า
"การจัดแคมเปญในปีนี้เราต้องการตอกย้ำประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์กันแดดวาสลีน ทั้ง 4 สูตร ซึ่งบริษัทเชื่อว่าผู้บริโภคจะให้การตอบรับเป็นอย่างดีเหมือนปีที่ผ่านมา และสามารถขยายฐานผู้บริโภคได้มากขึ้น โดยบริษัทคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ราว 20,000 คน" เป็นคำกล่าวของ ผกาฉัตร เตชาบูรพานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด
นอกจาก เป้าหมายการสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคแล้ว การจัดกิจกรรมดังกล่าว วาสลีนยังต้องการกระตุ้นและสร้างพฤติกรรมการใช้ครีมกันแดดของผู้บริโภคให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และกลายเป็นสินค้าที่ใช้เป็นประจำทุกวัน (Daily Use) เหมือนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วไป ที่ตอนนี้มีการใช้มากกว่า 78% ส่วนกลุ่มกันแดดมีเพียง 19.3% แบ่งเป็น ผู้บริโภคในกรุงเทพฯและกลุ่มคนในเมืองใช้มากสุด 70% ขณะที่กลุ่มคนต่างจังหวัดใช้เพียง 30% อีกทั้งเป็นการใช้ตามฤดูกาลมากกว่าการใช้เป็นประจำทุกวัน โดยเหตุผลหนึ่งมาจากราคาของสินค้ากลุ่มกันแดดที่สูงกว่าสินค้าบำรุงผิวทั่วไปเฉลี่ย 5 - 10 เท่า ทำให้เกิดการตัดใจซื้อที่ยากกว่า ทำให้สัดส่วนการขายสินค้ากลุ่มกันแดดจะมาจากช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม เป็นหลักประมาณ 25% ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีการเติบโตสูงสุดด้วย 55% เมื่อเทียบกับการขายโดยเฉลี่ยทั้งปี
"เราจะมีการเอดดูเคทผู้บริโภคเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการใช้เป็นประจำทุกวันเหมือนครีมบำรุงผิวทั่วไป ทั้งลูกค้าในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยบริษัทจะเน้นที่กลุ่มลูกค้ากรุงเทพฯก่อน เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีสัดส่วนถึง 70% แต่ยังมีอัตราการใช้เพียง 19% ซึ่งเราต้องการปรับเพิ่มให้เป็น 50% ขณะที่ลูกค้ากลุ่มต่างจังหวัดเชื่อว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากผู้บริโภคต่างจังหวัดจะมีพฤติกรรมตามผู้บริโภคในกรุงเทพฯ"
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาสินค้ากลุ่มกันแดดของแบรนด์วาสลีน ที่ตอนนี้มีให้เลือกจำนวน 4 สูตร แบ่งเป็นสำหรับผิวกาย 3 สูตร คือ วาสลีน เฮลธี้ ซันบล็อค โลชั่น SPF 15 , วาสลีน เฮลธี้ ซันบล็อค โลชั่น SPF 30 , วาสลีน เฮลธี้คิดส์ ซันบล็อค โลชั่น SPF 30 และสูตรสำหรับผิวหน้า 1 สูตร คือ วาสลัน เฮลธี้ เฟเชียล ซันบล็อค โลชั่น SPF 30 จะสังเกตได้ว่าเป็นโลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF ไม่เกิน 30 ทั้งที่ผู้เล่นรายหลักในตลาดมีค่า SPF ที่สูงกว่า 30 ให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้ตามความต้องการ เช่น แบรนด์ยูเซอริน ที่ออกสินค้ากลุ่มกันแดดใหม่ "ยูเซอริน อัลตร้า ซัน โพรเทคชั่น เอส พี เอฟ 60" หรือแบรนด์ ดีเอชซี จัดกิจกรรมเอดดูเคทผู้บริโภคเกี่ยวกับการป้องกันแสงแดด พร้อมเปิดตัว "DHC Sun cut Q10 50+ (Light Lame) UVB SPF 50 + UVA PA+++ หรือแม้แต่ผู้นำตลาดอย่างนีเวียก็มีสินค้าที่มีค่า SPF สูงกว่า 30
โดยการพัฒนาสูตรค่าเอสพีเอฟที่สูงกว่า 30 ของแต่ละแบรนด์นั้น ก็สอดคล้องไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนี้ ที่มีแนวโน้มใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟสูงมากขึ้น โดยพบว่า ค่า SPF มากกว่า 30 มีส่วนแบ่งตลาด 73% เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่มีสัดส่วนอยู่ 70% ส่วนค่า SPF น้อยกว่า 30 มีสัดส่วน 13% ลดลงจากปี 2548 ที่มีอยู่ 14% ขณะที่กลุ่มไม่ระบุระดับเอสพีเอ ปีที่แล้วเหลือ 15% จากเดิมปี 2548 มีอยู่ 17% แต่ทั้งนี้ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาตลาด กลุ่มสินค้าบำรุงผิว ค่ายยูนิลีเวอร์ กล่าวว่า
"บริษัทยังไม่มีแผนออกสินค้ากลุ่มกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟสูงกว่า 30 เพราะจากการศึกษาเราเชื่อว่าค่าเอสพีเอฟ 30 เพียงพอต่อการป้องกันแสงแดดแล้ว ซึ่งบริษัทก็จะมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้ครีมกันแดดให้ผู้บริโภคด้วย เช่น การทาครีมกันแดดซ้ำทุก 15 - 20 นาที ซึ่งกรณีที่ค่าเอสพีเอฟสูงกว่า 30 ก็จำเป็นต้องทาซ้ำเช่นกัน"
การเปิดศึกครีมกันแดดในช่วงหน้าร้อนนี้ วาสลีนตั้งเป้าโกยยอดขาย 25% ภายใน 2 เดือนนี้ และเชื่อว่าทั้งปีจะเติบโตไปพร้อมกับภาพรวมตลาดและสามารถเขยิบแชร์เพิ่มขึ้นด้วย โดยตอนนี้วาสลีนมีส่วนแบ่ง 13% รองจากนีเวียที่ทีแชร์ 36% เคเอ 7%, ซีแคร์ 5%, สมูทอี มีแชร์ 5%, การ์นีเย่ 4%, บานานาโบท 3% จากตลาดรวมผลตภัณฑ์กันแดดรวม 570 ล้านบาท
|