|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“ฉลองภพ” เรียกคณะทำงาน 7 ชุดหารือวันนี้ ถกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผลักดันนโยบายที่ให้ไว้ตอนเข้ารับตำแหน่ง ขณะที่ปรึกษา รมว.คลังด้านอสังหาริมทรัพย์เตรียมชงแนวทางหนุนภาคอสังหาฯ แนะมาตรการภาษีแก้ปัญหาได้ตรงจุด ส่วนมาตรการดอกเบี้ยให้ผลเชิงจิตวิทยาเท่านั้น ขณะที่อธิบดีสรรพาพรดักคอ เผยปีงบฯ 50 อาจจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า 1.5 หมื่นล้าน
นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรงการคลัง เปิดเผยว่า วันนี้ (3 เม.ย.) จะเรียกประชุมคณะทำงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานรากหลังจากที่ได้เคยเชิญสถาบันการเงินของรัฐมาหารือเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ฐานราก โดยการประชุมในวันนี้จะแบ่งคณะทำงานออกเป็น 7 คณะเพื่อดูแลระบบเศรษฐกิจให้ทั่วถึง
ทั้งนี้ คณะทำงานจะประกอบไปด้วย คณะทำงานด้านความโปร่งในในระบบการคลังตามที่ได้เคยมอบนโยบายไว้เมื่อตอนเข้ารับตำแหน่ง คณะทำงานเพื่อติดตามการดำเนินโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) คณะทำงานเพื่อเร่งรัดการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ คณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเพื่อกิจการสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อสาธารณะที่มีผลการดำเนินกิจการขาดทุน เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหารากหญ้า เป็นต้น ซึ่งในเบื้องต้นพบว่าเม็ดเงินที่ควรจะลงสู่ระบบในส่วนนี้สูญหายไปเป็นจำนวนมาก
“กระทรวงการคลังจะมีการเรียกคณะทำงานทั้ง 7 ชุดเข้ามาหารือเพื่อเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระดับฐานรากและภาพรวมทั้งระบบในทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดีของทุกสัปดาห์ในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. เนื่องจากเม็ดเงินที่ควรจะลงไปสู่ฐานรากหายไปเป็นจำนวนมาก จะต้องอุดช่องโหว่ในส่วนนี้ให้ได้” นายฉลองภพกล่าว
อสังหาฯ หนุนใช้ภาษีอุ้มได้ผล
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะที่ปรึกษา รมว.คลัง กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานรากในภาคอสังหาริมทรัพย์ในส่วนที่เขาเป็นผู้รับผิดชอบนั้น ได้มีการหารือร่วมกับ 3 สมาคมหลักที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ได้แก่ สมาคมบ้านจัดสรร สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมอาคารชุด รวมทั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งในเบื้องต้นได้รวบรวมมาตรการต่างๆ ที่เคยใช้และประสบความสำเร็งเพื่อนำเสนอแก่นายฉลองภพให้เป็นผู้พิจารณาตัดสินใจ
ส่วนประเด็นการเสนอให้กระทรวงการคลังใช้มาตรการด้านภาษีเพื่อกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นยังไม่สามารถสรุปได้ว่า รมว.คลังจะมีความเห็นออกมาอย่างไร เนื่องจากกรณีดังกล่าวมีทั้งผลดีและผลเสียเกิดขึ้นได้พร้อมๆ กันคือ หากมีการให้ข่าวออกไปว่าจะมีการลดภาษีเพื่อกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จะทำให้คนที่กำลังตัดสินใจซื้อบ้านชะลออการตัดสินใจออกไป ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นนี้ได้
“เรื่องภาษีเป็นเรื่องที่ยังไม่อยากพูดถึงในตอนนี้เนื่องจากหากพูดออกไปแล้วจะทำให้คนที่กำลังซื้อบ้านหรือโอนบ้านชะลออการซื้อออกไป และถ้าหากกระทรวงการคลังไม่เห็นด้วยยิ่งจะทำให้การซื้อขายชะลออตัวออกไปอีกเป็นการสร้างความหวังให้กับคนอย่างลมๆ แล้งๆ ขอให้รมว.คลังตัดสินใจเสียก่อนแล้วค่อยให้มีข่าวออกมาเองน่าจะส่งผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากกว่า” นายขรรค์ กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารธอส.เห็นชอบกับการนำเสนอมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานรากและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะนายขรรค์ ซึ่งขณะนี้นั่งในตำแหน่งที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ถึง 3 ตำแหน่ง คือ กรรมการ ธอส. กรรมการผู้จัดการธอส.และที่ปรึกษา รมว.คลัง ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญและอยู่ในวงการนี้มาเป็นระยะเวลานาน
ซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่บอร์ดบริหารของธอส.ให้ความเห็นชอบไปแล้วนั้นเชื่อว่านายฉลองภพจะต้องรับฟังและนำไปพิจารณาเพื่ออนุมัติเนื่องเป็นมาตรการที่สามารถปฏิบัติได้จริงที่เคยใช้ในอดีตและเห็นเป็นรูปธรรมมาแล้ว (โดยเฉพาะการลดภาษีการโอนที่ดินที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรี ซื้อที่ดินจากกองทุนฟื้นฟูฯ ในวันสุดท้ายของการใช้มาตรการภาษีโอนที่ดิน อันนี้เป็นเหตุการณ์สมมตินะ) ทั้งนี้ มาตรการส่วนใหญ่น่าจะเป็นมาตรการทางด้านภาษีที่จะส่งผลโดยตรงต่อผู้ที่จะตัดสินใจซื้อบ้าน ในขณะที่มาตรการด้านดอกเบี้ยนั้นเป็นผลกระทบทางจิตวิทยาเท่านั้นเนื่อจากการซื้อบ้านเป็นการผ่อนในระยะยาวเรื่องภาษีอาจไม่มีผลกระทบมากนัก
“มาตรการด้านภาษีถือเป็นมาตรการที่สำคัญที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อบ้านได้เร็วขึ้น เนื่องจากเมื่อเกิดการโอนบ้านคนซื้อบ้านก็เห็นผลทันทีว่าประหยัดค่าโอนไปได้หลายหมื่นบ้าน ซึ่งในส่วนนี้กระทรวงการคลังจะต้องพิจารณาด้วยว่าการเพิ่มภาษีใช่ว่าจะเก็บภาษีได้มาก แต่การลดภาษีลงจะทำให้ฐานภาษีกว้างขึ้นเกิดการบริโภคมากขึ้นผู้ที่ได้ประโยชน์ก็คือรัฐบาลจะสามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามหากจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้อย่างเต็มที่จะต้องใช้นโยบายการเงินและนโยบายการคลังให้สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน” แหล่งข่าวกล่าว
ผวาภาษีหลุดเป้า 1.5 หมื่นล้าน
นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร คาดว่า การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2550 จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท จากที่กำหนดเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 1.14 ล้านล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มการเก็บภาษีต่ำกว่าที่คาดไว้ ในเดือนมีนาคม 2550 คาดว่า กรมจัดเก็บภาษีจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า 2-3 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าต่ำสุด สาเหตุเกิดจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่มลดลง เพราะการนำเข้าลดลง เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและเงินบาทแข็งค่า แม้ว่าจะจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเกินเป้าหมายถึง 1-2 พันล้านบาท ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ปี 2550 นี้พบว่า การยื่นภาษีบุคคลธรรมดาผ่านอินเทอร์เน็ตจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 80% ของการยื่นรายการเสียภาษี จากปีก่อนที่อยู่ในสัดส่วน 70%
เพิ่มทุน ธ.เฉพาะกิจปีแรกต่ำ 2 หมื่นล.
นายกฤษฎา อุทยานิน รองผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.เตรียมจะเสนอแผนเพิ่มทุนสถาบันการเงินเฉพาะกิจภาครัฐให้นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลังพิจารณา โดยคาดว่างบประมาณในปีแรกที่ใช้ในการเพิ่มทุนอาจไม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท โดยพิจารณาจากเหตุผลและความจำเป็นในการใช้เงินทุน รวมทั้งแผนงานที่สถาบันการเงินนั้นเสนอมาด้วย ส่วนแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาใช้ในการเพิ่มทุน ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ไปศึกษารายละเอียด
|
|
|
|
|