เนสท์เล่ ปรับโครงสร้างองค์กรทั่วโลกครั้งใหญ่ แยกการตลาดกาแฟพร้อมดื่ม-ชาชัดเจน ดึงกาแฟพร้อมดื่มเนสกาแฟจากโค้ก - บริษัทเบฟเวอเรจพาร์ตเนอร์ส เวิลด์วาย ทำเองหมด เร่งเพิ่มดิสทริบิวเตอร์ทะลวงภูธรปิดจุดอ่อน ชูจุดแข็งยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว อัดฉีดงบเนสกาแฟ 3 ตัว 1 พันล้าน ชูภาพลักษณ์ทันสมัยทรีอินวัน-อินสแตนท์ ต่อยอดกาแฟพร้อมดื่ม ขยายฐานคนรุ่นใหม่ สิ้นปีรั้งเบอร์สอง ครองแชร์ 31% ขณะที่ก่อนหน้านี้ขายไลเซนส์นมน้ำให้เอฟแอนด์เอ็ม
นายเทรเวอร์ เคลย์ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกาแฟพร้อมดื่มตราเนสกาแฟ เปิดเผยว่า นโยบายเนสท์เล่ทั่วโลกได้ปรับโครงสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มกาแฟพร้อมดื่มภายใต้แบรนด์”เนสกาแฟ” ใหม่ โดยได้โยกการบริหารจัดการทั้งในส่วนของการผลิต การตลาด การจัดจำหน่าย และการกระจายสินค้า มาดำเนินการเองทั้งหมด ซึ่งแต่เดิมบริษัทได้มอบหมายให้ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด และบริษัท หาดทิพย์ จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่าย และมีบริษัท เบฟเวอเรจพาร์ตเนอร์ส เวิลด์วาย (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างโคคา โคล่าและเนสท์เล่ในสัดส่วน 50:50 เป็นผู้ดำเนินการด้านการตลาด
สำหรับประเทศไทยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2550 ส่วนประเทศอื่นๆ จะทยอยปรับเปลี่ยน ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ เนื่องจากเนสท์เล่มีความเชี่ยวชาญด้านกาแฟ โดยปัจจุบันในตลาดกาแฟทรีอินวันมูลค่า 4,000ล้านบาท เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 60% ส่วนตลาดกาแฟอินสแตนท์มูลค่า 8,000ล้านบาท ครองส่วนแบ่ง 90% อีกทั้งยังเป็นเจ้าของแบรนด์และเดิมเป็นผู้ผลิตอยู่แล้ว จึงมีความเข้าใจตัวผลิตภัณฑ์และความต้องการของผู้บริโภคที่ดีกว่า ส่วนบริษัทเบฟเวอเรจพาร์ตเนอร์ส เวิลด์วาย (ประเทศไทย) จำกัด ทางเนสท์เล่ได้วางนโยบายให้เน้นการทำตลาดชาพร้อมดื่มแบรนด์”เนสทรี”เป็นหลัก
ปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบการตลาดรวมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ 1,000ล้านบาท สำหรับกาแฟพร้อมดื่มเนสกาแฟเพิ่มงบการตลาดมากขึ้น จากปีที่ผ่านมาใช้เพียงหลักสิบล้านบาทเท่านั้น โดยขณะนี้ได้วางแผนปรับระบบการจัดจำหน่ายใหม่ โดยบริษัทจะอาศัยความเชี่ยวชาญและความสัมพันธ์ของบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น ดิสทริบิวเตอร์ ร้านค้าทั่วไปทั้งยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว ตู้แช่ ครอบคลุมกว่าแสนร้านค้าขึ้นไป ซึ่งเมื่อเทียบกับบริษัทไทยน้ำทิพย์และหาดทิพย์ ซึ่งมีความแข็งแกร่งด้านหน่วยรถกระจายสินค้า ในเรื่องดังกล่าวบริษัทยังมีจุดอ่อนอยู่ แต่ในช่วงแรกจะกระจายสินค้าให้เท่ากับบริษัทเดิมที่ทำไว้ และจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นเรื่อย โดยได้เตรียมเพิ่มดิสทริบิวเตอร์จากปัจจุบันมี 25ราย
แผนการกระจายสินค้าบริษัทจะดำเนินการในเชิงรุกในตลาดต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่แบรนด์ไม่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งเมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ เนสกาแฟเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง 100% อย่างไรก็ตาม การทำตลาดบริษัทอาศัยความเป็นผู้นำในตลาดอินสแตนท์และทรีอินวันต่อยอดภาพลักษณ์ตัวกาแฟพร้อมดื่ม เพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปสู่วัยทำงาน และนักศึกษา ซึ่งปัจจุบันสำหรับกาแฟพร้อมดื่มเนสกาแฟ นับว่าเป็นแบรนด์ที่มีกลุ่มเป้าหมายวัยทำงานและนักศึกษามากกว่าแบรนด์อื่นๆ ซึ่งโดยมากเป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงาน และจากการสำรวจพบว่าในตลาดรวม เป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงานสัดส่วน 70% และวัยทำงานและนักศึกษา 30%
พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ ภายใต้แนวทางการทำผลิตผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ สำหรับประเทศไทย กาแฟพร้อมดื่มเนสกาแฟมีด้วยกัน 2 รสชาติ ได้แก่ เนสกาแฟ เอ็กซ์ตร้า ริช และเนสกาแฟ ลาเต้ อย่างไรก็ตามในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะการสร้างเซกเมนต์กาแฟทั้งในระดับพรีเมียมและอีโคโนมี เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค แต่ปัจจุบันตลาดกาแฟพร้อมดื่มยังจำกัดอยู่ในวงแคบ สำหรับในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้ บริษัทได้เตรียมเปิดตัวแคมเปญครั้งใหญ่ ส่วนหน้าร้อนซึ่งเป็นฤดูกาลขายเครื่องดื่มกาแฟพร้อมดื่ม เน้นการกระจายสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดก่อน โดยตั้งเป้ายอดขายโต 20% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
สำหรับแนวโน้มตลาดกาแฟมูลค่า 20,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก เนื่องจากตลาดกาแฟทรีอินวันมูลค่า 4,000 ล้านบาท เป็นตัวผลักดันให้ตลาดโดยรวมมีอัตราการเติบโตสูงส่วน 8,000 ล้านบาทเป็นตลาดอินสแตนท์ และตลาดกาแฟพร้อมดื่มมีมูลค่า 8,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโต 5% โดยปัจจุบันเบอร์ดี้เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งเกือบ 70% เนสกาแฟพร้อมดื่มครองส่วนแบ่ง 31% หลังจากการปรับเปลี่ยนโครงการสร้าง บริษัทตั้งเป้ายอดขายเนสกาแฟพร้อมดื่มมีอัตราการเติบโต 5% และรักษาส่วนแบ่งไว้ที่ 31% แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายเนสกาแฟ เอ็กซ์ตร้า ริช 90% และเนสกาแฟ ลาเต้ 10%
ขายไลเซนส์นมน้ำให้เอฟแอนด์เอ็ม
นางสาวพัทนัย เหลืองตระกูล ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟพร้อมดื่ม เนสกาแฟ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า เมื่อปีที่ผ่านมาบริษัทได้ตัดสินใจขายไลเซนส์นมน้ำให้กับบริษัท เอฟแอนด์เอ็น หรือผู้ผลิตและจัดจำหน่ายไอศครีมแมกโดเลียไป นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งของการทำธุรกิจของเนสท์เล่ ซึ่งมีความโดดเด่นผลิตภัณฑ์นม
|