Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน28 มีนาคม 2550
พรีม่าโกลด์ปรับแผนรับบาทแข็งปรับราคาทองคำส่งออกเน้นตลาดอินเดีย-อเมริกา             
 


   
search resources

Jewelry and Gold
พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล, บจก.




พรีม่าโกลด์ รับมือค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จ่อคิวปรับราคาทองคำส่งออกขึ้น หลังขาดทุนแล้วเกือบ 10 ล้านบาท เร่งบูมตลาดต่างประเทศทะลวงอเมริกา-อินเดีย หวังเป็นขุมทองเสริมรายได้ภายในประเทศ ปรับตัวบุกเซ็นจูรี่ โกลด์ เจาะตลาดทั่วไป อัด 65 ล้านบาท ผุดสาขาทุกรูปแบบ 12-13 แห่ง สิ้นปีโต 15% กวาดรายได้ 800 ล้านบาท

นางสาวรุ่งนภา เงางามรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายทองพรีม่าโกลด์ เปิดเผยว่า แผนการตลาดรองรับค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 35 บาทต่อดอลล่าห์สหรัฐ อาจจะแตะถึง 32 บาทดอลล่าห์สหรัฐ บริษัทฯจึงได้เตรียมปรับราคาทองคำในการส่งออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากขณะนี้บริษัทฯจะประสบกับภาวะขาดทุน 5% หรือคิดเป็นมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท โดยการปรับราคาทองคำขึ้นในครั้งนี้ จะปรับตามค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งคาดว่าจะไม่กระทบต่อยอดส่งออก เนื่องจากปัจจุบันการผลิตทองคำ 24 เคในตลาดโลกมีคู่แข่งน้อยราย

สำหรับแผนการตลาดต่างประเทศปีนี้ บริษัทฯจะมุ่งเน้นขยายตลาดสหรัฐอเมริกาและอินเดีย เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยเฉพาะในอินเดียคาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเติบโต 20% จากปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 5% ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้ามียอดขาย 200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ตะวันออกกลางในสัดส่วน 50% อเมริกา 10% ญี่ปุ่น 15% ที่เหลืออีก 25% ในภูมิภาคเอเชีย

“ปีที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยชะลอตัวลง โดยเฉพาะความไม่ชัดเจนทางการเมือง ส่งผลให้ยอดขายภายในประเทศมีสัดส่วนที่ลดลงจาก 80% เป็น 75% อีกทั้งยังมีผู้ผลิตทองคำ 96.5% ราว 7,000 รายหรือคิดเป็น 10% ที่ต้องปิดกิจการลง ด้านการส่งออกปรับเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 25% โดยปีนี้บริษัทฯคาดว่าสัดส่วนการส่งออกจะอยู่ที่ 25% และภายในประเทศ 75%”

สำหรับแผนการตลาดในประเทศ ปีนี้บริษัทฯจะขยายสาขาเพิ่ม 12-13 แห่ง ภายใต้การทุ่มงบ 65 ล้านบาท แบ่งเป็น พรีม่าโกลด์เปิดเพิ่ม 2 สาขา จากปัจจุบัน 41 สาขา พรีม่าไดมอนด์ 4-5สาขา จาก 21 สาขา และเซ็นจูรี่ โกลด์เปิดเพิ่ม 5 สาขา จากเดิมมี 10 สาขา ทั้งนี้ปีนี้บริษัทฯจะมุ่งเน้นแบรนด์เซ็นจูรี่โกลด์เป็นหลัก เนื่องจากเป็นทองคำ 96.5% จึงครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างมากกว่าเมื่อเทียบกับทองคำ 24 เค กลุ่มเป้าหมายจะอยู่ระดับบีขึ้นไปกระทั่งเอ โดยเซ็นจูรี่โกลด์จะเน้นการดีไซน์ที่ทันสมัยตามกระแสแฟชั่น เจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นเป็นหลัก

ขณะที่งบการตลาดใช้ราว 20 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกิจกรรมและแคมเปญต่างๆ ได้แก่ การสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งบริษัทฯได้มีการปรับเปลี่ยนโลโก้เมื่อปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังได้จัดโปรโมชันพิเศษและกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า สำหรับปีนี้บริษัทฯยังได้วางแผนที่จะออกคอลเลกชั่นใหม่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อรองรับกับความต้องการลวดลายใหม่ๆ และตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดทองคำล้ำดีไซน์

สำหรับภาวะตลาดทองคำมูลค่า 10,000 ล้านบาท ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้ สภาพตลาดหดตัวลง เนื่องจากเกิดเหตุการณ์วางระเบิดในช่วงวันเฉลิมฉลองปีใหม่ ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทลดลง 20% ส่วนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์พบว่าภาวะตลาดเริ่มดีขึ้น แต่ในช่วง 2 เดือนยอดขายลดลง 10% ส่วนเดือนมีนาคมนี้ กระทั่งถึงไตรมาสที่สอง หากไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค คาดว่าสภาพตลาดโดยรวมจะส่งสัญญาณที่ดีขึ้น ส่วนราคาทองคำไม่สามารถคาดคะเนได้อย่างชัดเจนว่าจะขึ้นหรือลง แต่มีแนวโน้มว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย

“พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่มีต่อการซื้อขายทองรูปพรรณ แม้ว่าจะเกิดความผันผวนของราคาทองคำในตลาดโลกลาสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ผู้บริโภคก็ยังคงให้ความสำคัญกับการซื้อทองรูปพรรณ ทั้งเพื่อการเก็บการสะสมและการมอบให้ในวาระพิเศษต่างๆ แต่ทั้งนี้ก็เมื่อสังเกตุถึงพฤติกรรมการเลือกซื้อของผู้บริโภคปัจจุบัน พบว่าไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มองหาสิ่งใหม่ที่แปลกไปจากเดิม โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น”

สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 15% หรือมีรายได้ 800 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 700 ล้านบาท เติบโต 10% ทั้งนี้เมื่อเทียบกับปี 2548 บริษัทฯมีอัตราการเติบโต 25% และปี 2547 เติบโต 22% ทั้งนี้รายได้หลักจะแบ่งเป็น พรีม่าโกลด์ 50% พรีม่า ไดมอนด์ 20% ส่วนพรีม่า อาร์ท และเซ็นจูรี่ โกลด์ 30%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us