|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ราคาถ่านหินมีการปรับตัวสูงขึ้นตาม เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ถ่านหินเข้ามาทดแทนมากขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ในตลาดโลกก็ยังมีสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากหลายประเทศยังมีความต้องการขยายตัวในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนนโยบายของรัฐบาลจีนเกี่ยวกับถ่านหิน จากเดิมที่ประเทศจีนเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก ขณะที่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาประเทศจีนมีการนำเข้าถ่านหินประมาณ 1 ล้านตันซึ่งยิ่งที่ส่งผลต่อปริมาณถ่านหินที่ซื้อขายในโลกและเป็นเหตุที่ผลักดันให้ราคาถ่านหินปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่ายังมีโอกาสที่ราคาถ่านหินอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันได้อีกประมาณ 5-10% ทั้งนี้ เชื่อว่าราคาถ่านหุ้นรวมถึงราคาน้ำมันน่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงในระดับนี้ไปจนถึงครึ่งปีหน้า
"ราคาถ่านหินยังน่าจะปรับตัวขึ้นได้อีก เพราะนโยบายของรัฐบาลจีนที่เปลี่ยนจากผู้ส่งออกเป็นผู้นำเข้าส่งผลต่อปริมาณถ่านหินในตลาดโลก โดยราคาในปีนี้อาจจะปรับขึ้นได้อีก 5-10%"นายชนินทร์กล่าว
สำหรับปริมาณการขายถ่านหินของบริษัทในปีนี้น่าจะยังอยู่ในระดับประมาณ 21 ล้านตันต่อปี โดยคาดว่าราคาขายถ่านหินเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 37 เหรียญต่อตัน จากปีที่ผ่านมาที่เฉลี่ยอยู่ที่ 35.6 เหรียญต่อตัน ในส่วนของรายได้คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาทประมาณ 7-10% เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า
ในส่วนของของความเสียหายที่เกิดขึ้นที่ท่าเรือบอนตังประเทศอินโดนีเซีย ขณะนี้สามารถเปิดดำเนินการได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่จะต้องมีการปิดซ่อมอีกครั้งในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาส 1/50 บ้างแต่เชื่อว่าทั้งปีความเสียหายจากท่าเรือดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากเชื่อว่าในช่วงครึ่งกหลังของปีปริมาณถ่านหินที่ขายจะสามารถชดเชยจากสูญเสียในช่วงดังกล่าวได้
นายชนินท์ กล่าวอีกว่า ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะนำเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ที่ปรึกษาทางการเงินประเมินมูลค่ามูลค่าทรัพย์สิน ขณะที่มูลค่าในการระดมทุนขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้เนื่องจากจะต้องมีการหารือกันอีกครั้ง
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา แนะนำซื้อหุ้น BANPU โดยประเมินราคาที่เหมาะสมในปีนี้ที่ 208 บาท เนื่องจากแนวโน้มราคาถ่านหินที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า โดยบริษัทได้ปรับเพิ่มประมาณการราคาขายเฉลี่ยถ่านหินปี 50 และปี 51 เพิ่มขึ้นปีละ 4.1% และปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 50 เพิ่มขึ้น 3.0% จากเดิม เป็น5,391 ล้านบาท และปี 51 เพิ่มขึ้น 3.2% จากเดิม เป็น 4,953 ล้านบาท
นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องเนื่องจากโครงการขยายการผลิตถ่านหินเพิ่มเติมของเหมืองใต้ดินของ Indominco และ Trubaindo อยู่ระหว่างการศึกษา ขณะที่บริษัทมีโอกาสในการเข้าเป็นผู้ดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าหงสาลิกไนต์ขนาดกำลังการผลิต 1,800 เมกะวัตต์ในลาว
ส่วนศักยภาพการเติบโตของปริมาณขายถ่านหินจากแหล่งถ่านหินใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย ที่คาดว่าบริษัทจะทำการ Acquisition ในปี 50
ขณะที่ส่วนของกำไรจากการขายหุ้นของบริษัทในเครือบางส่วนในตลาดหลักทรัพย์จาการ์ตา ที่คาดว่าจะเกิดใน 2H50 ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปี 50 ที่ 9.9 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มถ่านหินในภูมิภาคเอเชียที่ 14.1 เท่า และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5.1%
|
|
|
|
|