|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แอกซ่าประกันภัย เผยผลการดำเนินงานประจำปี 2549 ยังดี พร้อมประกาศลุยปี 2550 เต็มสูบ โดยจับมือกับพันธมิตรอย่างกลุ่ม Honda Automobile กระโจนลงตลาดรับประกันภัยรถยนต์เต็มตัว หวังโกยเบี้ยประกันภัยรับในปีหมู เดินหน้าเติบโตด้วยเลขสองหลักหรือประมาณ 15-20%
นายกี่เดช อนันต์ศิริประภา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของปี 2549 ว่า แอกซ่า มีรายได้ใกล้เคียงกับปี 2548 โดยบริษัทฯมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 1,316 ล้านบาท ซึ่งปีที่ผ่านมา เราได้ตัดสินใจลดสัดส่วนงานของการประกันภัยรถยนต์ (Motor Portfolio) ลงเนื่องจากมีการแข่งขันในตลาดค่อนข้างรุนแรง เบี้ยประกันภัยต่อคันที่เสนอขายในตลาดเป็นเบี้ยที่ต่ำกว่าต้นทุนมาก ทำให้อัตราความเสียหายรวม (Combined Ratio) มีเกินกว่าร้อยละ 100 ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อองค์กรและผู้ถือหุ้นในระยะยาวหากเราทำธุรกิจที่มีแต่ขาดทุน เราจึงได้มุ่งไปทำตลาดนอนมอเตอร์แทน (Non-Motor Portfolio) ซึ่งแอกซ่าสามารถเติบโตได้ดีในกลุ่มตลาดนี้ เรามีเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 393 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.2 เบี้ยประกันภัยสินค้าและทางทะเล 137 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.2 และเบี้ยประกันอัคคีภัย 122 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 ซึ่งพอร์ทงานทั้ง 3 กลุ่มนึ้มีการเติบโตเหนือตลาดทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ในปี 2550 แอกซ่าได้ตั้งเป้าการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับเพิ่มขึ้นด้วยเลขสองหลัก (double digit growth) หรือประมาณ 15-20% โดยจะใช้กลยุทธ์การดำเนินงานเชิงรุกในการขยายตลาดในช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายดังเช่นในปีที่ผ่าน ไม่ว่าจะเป็นตลาดตัวแทน ตลาดนายหน้า ตลาดบริษัทสินเชื่อรถยนต์และตลาดคู่ค้ารถยนต์ โดยเฉพาะตลาดการประกันภัยรถยนต์ ซึ่งปีนี้เราได้ขยายความสัมพันธ์ทางการค้ากับกลุ่ม Honda Automobile โดยบริษัทฯได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทประกันภัยที่กลุ่ม Honda Automobile ไว้วางใจส่งงานอย่างเป็นทางการ (Official Panel of Insurers) โดยทางเราได้เซ็นต์สัญญาอย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา”
“กลยุทธ์ต่อมาคือการรักษามาตรฐานงานบริการด้านสินไหมทดแทน ซึ่งแอกซ่าได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงในด้านการจ่ายเคลมที่รวดเร็ว ไม่ว่าในกรณีสินไหมสึนามิที่ภูเก็ตและเขาหลัก สินไหมน้ำท่วมที่หาดใหญ่ สินไหมน้ำท่วมที่เชียงใหม่ สินไหมน้ำท่วมที่นครสวรรค์ และสินไหมรถยนต์ซึ่งให้บริการรวมถึง Roadside Assistance Service เราได้สร้างวัฒนธรรมการเคลมเชิงรุกใหักับพนักงานมาโดยตลอด เราได้ตอกย้ำกับพนักงานและจัดฝึกอบรมคอร์ส Service Innovation เพื่อรับประกันการให้บริการกับลูกค้าโดยใช้นโยบาย 3F Services คือการให้บริการอย่างรวดเร็ว (Fast) เป็นธรรม (Fair) และเป็นมิตร (Friendly) ซึ่งหัวใจของการจัดการสินไหมคือต้องมีความเข้าใจ เข้าถึงและใกล้ชิดกับลูกค้า อีกหนึ่งกลยุทธ์คือการใช้ SMS มาเสริมงานบริการ ส่วนกลยุทธ์สุดท้ายคือการพัฒนาบุคลากรซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักขององค์กรซึ่งแอกซ่าจะเปิดโปรแกรมการฝึกอบรมให้กับพนักงานเพื่อพัฒนาทักษะในการทำงาน โดยมีหลักสูตรต่างๆเช่น Coaching & Supervisory Skills, Team Building, Service Centric Culture และ Leadership Skills หลังจากที่เราได้ดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวในปีนี้ ทำให้เรามีเบี้ยประกันภัยรับในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กุมภาพันธ์) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17 ซึ่งโตกว่าตลาด” นายกี่เดช กล่าว
ส่วนกรณีที่กรมการประกันภัยจะแยกตัวเป็นองค์กรอิสระนั้น นายกี่เดชได้ให้ความเห็นว่า แอกซ่าได้เตรียมความพร้อมในการรองรับกฎกติกาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงทางการเงินในเรื่องทุนจดทะเบียนซึ่งปัจจุบันเรามีทุนจดทะเบียนและชำระเต็มจำนวนแล้ว 352.6 ล้านบาท และบริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้นที่ 1,608.2 ล้านบาท สินทรัพย์ลงทุน 970.6 ล้านบาท มีเงินกองทุนส่วนเกินต่อเงินสำรองประกันภัยอยู่ที่ 479 ล้านบาทซึ่งมากกว่ากรมการประกันภัยได้กำหนดไว้ถึง 5 เท่า และในอนาคตหากมีการใช้หลักการกำกับตามประเภทและขนาดความเสี่ยง (Risk Base Capital) แทนกฎเกณฑ์การตั้งสำรองขั้นต่ำตามที่กรมการประกันภัยกำหนด ทางแอกซ่าก็มีความพร้อมโดยปัจจุบันเรามีทีมงานนักคณิตศาสตร์ประกันภัย (Non-Life Actuarial Team) รองรับ RBC ไว้แล้ว
สำหรับปี 2549 บริษัทฯ มีเบี้ยโดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมจำนวนทั้งสิ้น 1,316 ล้านบาทโดยสัดส่วนของเบี้ยประกันภัยรถยนต์คิดเป็นร้อยละ 50.4 เบ็ดเตล็ดร้อยละ 29.9 สินค้าและทางทะเลร้อยละ 10.4 และอัคคีภัยร้อยละ 9.3 ตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีผลกำไรจากการรับประกันภัยก่อนหักค่าใช้จ่ายดำเนินงานจำนวนทั้งสิ้น 281 ล้านบาท กำไรก่อนหักภาษีจำนวน 48 ล้านบาท มีผลกำไรจากการลงทุนจำนวน 45 ล้านบาท และเมื่อหักภาษีแล้ว มีผลกำไรสุทธิทั้งสิ้น 34 ล้านบาท
|
|
|
|
|