ผู้บริหารทีโอเอระบุ ปี50ตลาดสีแข่งดุเดือด ผู้ผลิตสีอัดโปรโมชันเร่งกำลังซื้อลูกค้า ยอมกัดฟันลดเป้าขายเหลือ 8,000 ล้านบาท จากเป้าเดิม 8,400 ล้านบาท หลังตลาดอสังหาฯ-อุตฯชะลอตัว มั่นใจรักษาส่วนแบ่งตลาดรวมที่ 47% จากมูลค่าตลาดรวม 12,000 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ รูฟซีล ซันบล็อค- รูฟเพ้นท์ ซันบล็อค ผลิตภัณฑ์สีอะครีลิค กันซึมกันรั่ว สีทากระเบื้องหลังคาสะท้อนความร้อน เจาะกลุ่มบ้านเก่า-ใหม่ และตลาดอุตฯ หวังดันยอดขายกลุ่มเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง โต 30% ตามเป้า
นายจตุภัทร์ ตั้งคาราวคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง2 ปีที่ผ่านมา ตลาดสีทาอาคารมีอัตราการขยายตัวสูงมาก ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญและเน้นทำตลาดสีทาอาคารเป็นหลัก ซึ่งเป็นตลาดที่บริษัททีโอเอให้ความสำคัญเช่นกัน ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา สัดส่วนรายได้ของบริษัทสีทีโอเอในกลุ่มสีทาอาคารเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่สัดส่วนรายได้ที่มาจากกลุ่มสีอุตสาหกรรมและสีเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง มีสัดส่วนที่เล็กลง ดังนั้นในปี 2550 บริษัทจึงให้ความสำคัญในการขยายตลาดในกลุ่มสีอุตสาหกรรมและเคมีภัณฑ์ก่อสร้างมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโตของกลุ่มสูงถึง 30% หรือประมาณ 72 ล้านบาท โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์นี้ จะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์สีอุตสาหกรรมที่ใช้ควบคู่กับงานสี และเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าบ้านเดี่ยว ทั้งที่เป็นบ้านเก่า และบ้านใหม่ รวมถึงกลุ่มตลาดอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ จากการชะลอตัวลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มแนวราบและตลาดอุตสาหกรรม ทำให้อัตราการบริโภคสีในตลาดปีนี้ อยู่ในระดับทรงตัวหรือมีอัตราการเติบโตเท่าๆ กับปี 2549 ส่งผลให้ผู้ประกอบการสีในตลาด หันมาเพิ่มกิจกรรมทางการตลาดมากขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ในปีนี้ การแข่งขันธุรกิจสีในตลาดจะมีความรุนแรงขึ้น ขณะที่อัตราการเติบโตของตลาดจะไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัททีโอเอ ต้องปรับลดเป้ารายได้รวมของบริษัทจากเดิมที่วางไว้ 8,400 ล้านบาท เหลือเป้ารายได้ใหม่ 8,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราการขยายตัวของตลาดจะทรงตัวเท่ากับปีที่ผ่านมา แต่บริษัทคาดว่าจะยังสามารถรักษาส่วนแบ่งในตลาดไว้เท่าเดิมคือ 47% ของมูลค่าตลาดรวม 12,000 ล้านบาท โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายเติบโตประมาณ 5% จากช่วงเดียวกันของปี2549 หรือมียอดขายประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่หากแต่ละไตรมาสสามารถทำยอดขายได้ระดับดังกล่าว จะทำให้ทั้งปี บริษัทจะมีอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
" แต่สิ่งที่บริษัทโชคดี ก็คือ การแข็งค่าของเงินบาท ทำให้ต้นทุนของบริษัทลดต่ำลง เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิต ส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศสัดส่วนกว่า 50% ทำให้ต้นทุนต้นทุนที่ลดลงไปหนุนอัตรากำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5% เทียบกับช่วงที่ผ่านมา แต่กำไรที่เพิ่มขึ้นก็พอจะไปชดเชยต้นทุนของวัตถุดิบที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า ตลาดสีมีการแข่งขันรุนแรง ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาขายได้ ขณะที่ต้นทุนของวัตถุดิบขยับตัวสูงขึ้น นั่นคือเหตุผลที่บริษัทไม่สามารถปรับลดราคาขายลงได้ แม้จะมีกำไรเพิ่มขึ้นบ้าง "
นายจตุภัทร์ กล่าวถึงแผนการขยายผลิตภัณฑ์สีใหม่ ว่า ในปี2550 จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์สีรวม 6 รุ่น ใน 2 กลุ่มสินค้า แบ่งเป็น 1.กลุ่มสีทางอาคาร 3 ผลิตภัณฑ์ และ 2.สีในกลุ่มอุตสาหกรรม สีเคมีภัณฑ์ก่อสร้างและสีทาไม้จำนวน3 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวสีกันร้อน "โฟร์ซีซั่น ซันบล็อค" ซึ่งเป็นสีในกลุ่มสีทาอาคารไปแล้ว ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวสีตัวใหม่อีก 2 ผลิตภัณฑ์ ในกลุ่มสีเคมีภัณฑ์ อีก 2 ประเภท คือ รูฟซีล ซันบล็อค ผลิตภัณฑ์สีอะครีลิค กันซึมกันรั่ว และผลิตภัณฑ์ สี รูฟเพ้นท์ ซันบล็อค สีทากระเบื้องหลังคา และภายในไตรมาสที่ 2 จะเปิดสีผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มอีก 1-2 ประเภท ส่วนที่เหลือจะทยอยเปิดในไตรมาสที่3-4 ของปี
สำหรับผลิตภัณฑ์สีกลุ่มเคมีภัณฑ์ที่ออกใหม่ 2 ตัวดังกล่าวนี้ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าบ้านเดี่ยวทั้งบ้านเก่าและบ้านใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าบ้านเก่าที่มีจำนวนมากในตลาด และมีการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งเกิดปัญหาการรั่วซึมของน้ำจากดาดฟ้าและหลังคา โดยผลิตภัณฑ์สี รูฟซีล ซันบล็อค จะมีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูงสามารถแก้ปัญหาการรั่ว และซึมของน้ำที่เกิดจากการร้าวบนดาดฟ้าของบ้านที่มีอายุการใช้งานมาเป็นเวลานาน
ส่วนผลิตภัณฑ์ สี รูฟเพ้นท์ ซันบล็อค จะมีคุณสมบัติสะท้อนความร้อนจากแสงแดดใช้ทากระเบื้องหลังคา เพื่อแก้ปัญหาความร้อนภายในบ้าน และช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงานจากการใช้ไฟฟ้าในเครื่องปรับอากาศได้ประมาณ 10%
|