|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"โนวาสโกเทีย"ควักกระเป๋า 7.1 พันล้าน ซื้อหุ้นแบงก์ธนชาต 24.99% ในราคาหุ้นละ 16.37 บาท ผนึกกำลังรุกธุรกิจรายย่อย พร้อมเดินหน้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 49% เผยแผนงานปรับโครงสร้างการบริหารงานใช้ผู้บริหารระดับรองจากโนวาสโกเทียเข้าร่วม 4 คน และเตรียมออกจากตลาดหลักทรัพย์เหตุมีปริมาณการซื้อขายจิ๊บจ๊อย
นายบันเทิง ตันติวิท ประธานกรรมการบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าวานนี้(29 มี.ค.) ธนาคารแห่งโนวาสโกเทีย (Scotiabank) ได้ทำข้อตกลงซื้อขายหุ้นในจำนวน 24.99% คิดเป็นมูลค่า 7.1 พันล้านบาท (240 ล้านดอลลาร์แคนาดา) จากธนาคารธนชาต ในราคา 16.37 บาทต่อหุ้น โดยเป็นหุ้นที่ซื้อจากบริษัท ทุนธนชาต จำนวน 157 ล้านหุ้น และเป็นหุ้นออกใหม่จากธนาคารธนชาตอีกจำนวน 276 ล้านหุ้น โดยคาดว่าธุรกรรมซื้อขายหุ้นดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ เมื่อมีการยื่นเอกสารหลักฐานให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เสร็จเรียบร้อย
นอกจากนี้ ธนาคารแห่งโนวาสโกเทียยังสามารถซื้อหุ้นได้เพิ่มขึ้นได้ถึง 49% ภายในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ในราคาเดิมที่มีการซื้อขายล็อตแรก อย่างไรก็ตามในทางกฎหมายอนุญาตให้สามารถขยายเวลาออกไปได้อีก 1 ปี คือ ปี 2550 ซึ่งราคาขายหุ้นจะเท่ากับ 1.6 เท่าของราคาตามบัญชี(Book Value) และหากใช้สิทธิซื้อเพิ่มหลัง 3 ปีข้างหน้า ราคาขายหุ้นจะเท่ากับ 1.7 เท่าของราคาตามบัญชี ซึ่งหากธนาคารมีผลประกอบการที่ดีราคาตามบัญชีจะเพิ่มขึ้นในอนาคต
“ขณะนี้บริษัท ทุนธนชาต ถือหุ้นในธนาคารธนชาต จำนวน 99.36% ซึ่งเมื่อธนาคารแห่งโนวาสโกเทียซื้อหุ้นในสัดส่วน 24.99% ทางธนชาตจะถือหุ้นในสัดส่วน 75% และหากโนวาฯ เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นได้ถึง 49% ทางธนชาตจะถือหุ้นต้องถือ 51% ซึ่งเราไม่มีนโยบายที่ถือหุ้นน้อยกว่านี้แล้ว”
ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัท ทุนธนชาต ยังคงเป็นบริษัทแม่ที่ถือหุ้นบริษัทในเครือจำนวน 8 แห่ง ได้แก่ ธนาคารธนชาต บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด(มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด และบริษัท ธนชาตประกันชีวิต และในอนาคตโครงสร้างดังกล่าวจะเปลี่ยนไป โดยบริษัทต่างๆ ทั้ง 8 แห่งจะอยู่ภายใต้ธนาคารธนชาตแทน เหลือเพียงบริษัทบริหารสินทรัพย์ เท่านั้นที่อยู่ภายใต้บริษัท ทุนธนชาตอยู่
“โครงสร้างคณะกรรมการของธนาคารธนชาตแบบใหม่หลังจากที่ธนาคารแห่งโนวาสโกเทียมีการซื้อหุ้นในสัดส่วน 24.99% แล้ว จะมีบุคลากรจากโนวาฯ เข้ามานั่งเป็นกรรมการในแบงก์ธนชาตจำนวน 3 คนจากคณะกรรมการทั้งหมด 10 คน และหากมีการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 49% ทั้งธนาคารธนชาตและโนวาฯจะมีคนมานั่งเป็นกรรมการอย่างละครึ่ง คือ ฝั่งละ 5 คน ส่วนการร่วมบริหารจะแบ่งออกเป็นช่วงๆ หากโนวาฯยังคงถือหุ้น 24.99% ผู้บริหารระดับสูงแบงก์ธนชาตก็ยังคงทำหน้าที่เดิมต่อไปหากยังไม่ได้เกษียณอายุการทำงาน ส่วนโนวาฯจะส่งคนระดับมาช่วย ไม่ว่าจะเป็นด้านรายย่อยหรือรายใหญ่ และเมื่อโนวาฯเข้ามาถือหุ้นมากขึ้นก็จะส่งคนมามากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ พนักงานของโนวาฯ ทุกคนก็จะโอนเข้ามาทำงานในแบงก์ธนชาตทั้งหมด เพราะเชื่อว่ามีความสามารถที่จะเข้ามาช่วยเสริมการทำงานให้แบงก์เติบโตต่อไปในอนาคต”
นายบันเทิง กล่าวว่า ในอนาคตบริษัทยังมีแผนจะนำหุ้นของธนาคารธนชาตออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีผู้ถือหุ้นรายย่อยกระจายหุ้นในตลาดประมาณ 0.6% เพราะหุ้นที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของบริษัท ทุนธนชาตเป็นผู้ถือ ซึ่งแผนนี้ทางธนาคารธนชาตจะไม่มีนโยบายขายหุ้นออกไป แต่จะทำคำขอซื้อ(tender offer) ทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นรายย่อยแทน
ทั้งนี้ หากแผนการซื้อหุ้นเสร็จสมบูรณ์ ในอนาคตธนาคารแห่งโนวาสโกเทียจะโอนสินทรัพย์มาที่ธนาคารธนชาตจำนวน 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และการดำเนินธุรกิจต่อไปของธนาคารแห่งโนวาสโกเทียมีความชำนาญในด้านสินเชื่อรถยนต์เช่นกันจะเข้ามาช่วยศึกษาช่องทางหารายได้ให้มีมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันธนาคารธนชาตก็เป็นผู้นำตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อยู่แล้ว
ด้านนายร็อบ พิทฟิลด์ รองประธานฝ่ายบริหาร International Banking ธนาคารแห่งโนวาสโกเทีย กล่าวถึงเหตุผลที่เข้ามาซื้อหุ้นดังกล่าวว่า มองว่าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดีอยู่ ซึ่งคาดว่าปีนี้จะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 4-5% และธนาคารธนชาตก็เป็นสถาบันการเงินที่แข็งแกร่ง จึงเชื่อว่าในอนาคตจะสร้างผลตอบแทนที่ดี แม้จะมีปัญหาปัจจัยความไม่แน่นอนด้านการเมืองอยู่ก็ตาม ซึ่งคิดว่าส่วนนี้ไม่ได้สำคัญไปกว่าประเทศไทยยังเติบโตได้ดี รวมทั้งวัฒนธรรม และคนไทยด้วย ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารแห่งโนวาสโกเทียได้มีการทำธุรกิจ 50 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะทำธุรกิจในไทยไม่น้อยกว่า 25 ปี จึงเชื่อว่าอนาคตเศรษฐกิจไทยยังสดใสอยู่
|
|
|
|
|