สยามนิรมิต ขยับจับลูกค้าตลาดไมซ์ เข็นพื้นที่เปิดรับงานประชุมและอีเว้นต์ทุกรูปแบบ ตั้งทีมเฉพาะลุย ชูโลเกชั่นใจกลางเมืองในอารมณ์ไพรเวทโซน สร้างความแตกต่างจากโรงแรมและศูนย์การประชุม คาดช่วยดึงลูกค้าเข้าใช้พื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 15% ล่าสุดเชิญกว่า 300 บริษัทออร์แกไนเซอร์ หารือพร้อมดูพื้นที่ หวังใช้เป็นช่องทางขาย

นางสาวพัณณิน กิตติพราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รัชดานิรมิต จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโรงละครสยามนิรมิต เปิดเผยว่า จากการที่ตลาดไมซ์เติบโตสูง บริษัทฯจึงเห็นช่องทางการตลาด สยามนิรมิตจึงได้เพิ่มบริการรับจัดงานอีเว้นต์และงานประชุมสัมมนา โดยใช้พื้นที่โรงละครและ พื้นที่โดยรอบทั้งบริเวณที่มีอยู่แล้ว ในการรับจัดงาน กลุ่มเป้าหมายคือการจัดงานทุกรูปแบบเจาะตลาดไมซ์หรือ Meeting Incentive Convention Exhibition (MICE) ล่าสุดได้จัดตั้งหน่วยธุรกิจขึ้นในองค์กร เพื่อดูแลและให้บริการแก่ลูกค้าในกลุ่มดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นองค์กร และบริษัทต่างๆ

จุดแข็งของสยามนิรมิต คือ เรื่องของสถานที่ ที่มีทั้งโรงละครจุดคนได้ถึง 2,000 คน มีกิจกรรมการแสดงด้านบันเทิง การโชว์ศิลปวัฒนธรรม ขณะที่พื้นที่โดยรอบ ยังจัดเป็นสัดส่วนไพรเวท มีสวน และธรรมชาติ ส่วนโลเกชั่นยังตั้งอยู่ในจุดที่การคมนาคมสะดวก ย่านชุมชน แตกต่างจากการจัดงานในโรงแรมและศูนย์การประชุม ที่มีอยู่ในตลาด

สำหรับธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นนี้คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทฯมีอัตราการเติบโตของผู้เข้ามาใช้บริการอีก 15% จากปีก่อนตลอดทั้งปีมีผู้เข้ามาใช้บริการที่สยามนิรมิตราว 2.8 แสนคน แบ่งเป็นคนไทย 1 แสนคน และต่างชาติ 1.8 แสนคน

ดังนั้นเพื่อเป็นการเปิดตัว บริษัทฯจึงเชิญบริษัทออร์แกไนเซอร์ประมาณ 300 ราย เข้ามาหารือ พร้อมประกาศความพร้อมของการเป็นสถานที่รับจัดงาน ทั้งในลักษณะการเช่าพื้นที่ และรับจัดงานแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งบริษัทฯมั่นใจว่า กลุ่มออร์แกไนเซอร์ จะเป็นช่องทางหาลูกค้าให้แก่สยามนิรมิตได้เป็นอย่างดี

นางสาวพัณณิน กล่าวอีกว่า ในปีที่ผ่านมา สยามนิรมิต ได้ให้บริการลูกค้ากลุ่มไมซ์ กว่า 100 บริษัท ซึ่งมีทั้งการจัดงานประชุม งานเลี้ยงสังสรร การแถลงข่าว เปิดตัวสินค้าใหม่ และกิจกรรมทีมบิลดิ้ง (Team building) รวมถึงกลุ่มอินเซนทีฟ ที่เข้ามาชมแสดงโชว์ เป็นต้น โดยสยามนิรมิตร สามารถรองรับลูกค้าไมซ์ได้ตั้งแต่ 20-2,000 คน ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกฟังชั่นได้ตามงบประมาณ เช่น อาจจะชมการแสดง หรือไม่ชมการแสดงด้วยก็ได้

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯคาดการณ์ว่า ในปีแรก นับจากการเปิดตัวครั้งนี้ ธุรกิจไมซ์จะมีสัดส่วน 15-20% ของจำนวนผู้เข้าชมทั้งหมด โดยธุรกิจหลักของบริษัทยังเป็นเรื่องของการแสดงโชว์ ซึ่งสิ่งที่บริษัทต้องปรับปรุงเพิ่มเติม คือการให้ความรู้แก่ตลาดคนไทยในด้านการแสดงจากนี้ไปอีก 2-3 ปี เพื่อดึงตลาดคนไทยให้เข้ามาชมการแสดงมากขึ้น ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ต้องเร่งสร้างแบรนด์ เพื่อให้เกิดการรับรู้ในระดับภูมิภาค ซึ่งในปีนี้ได้ตั้งงบการตลาดไว้ที่ 10-20 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจะนำไปใช้จ่ายในเรื่องของการออกงานเทรดโชว์ และ โรดโชว์ในต่างประเทศ