ทำไมจะต้องรอให้แก่ชราเสียก่อนถึงจะพูดเรื่องในอดีต?
ทำไมต้องรอให้ประสบความสำเร็จเสียก่อนแล้วค่อยกลบเกลื่อนเรื่องในอดีต พูดแต่เรื่องความยิ่งใหญ่ของตัวเอง?
ทำไมจะต้องก้มหน้าก้มตาหลบผู้หลบคนเพียงเพราะเราล้มเหลวในเรื่องการทำงาน?
ขอเพียงเรื่องที่ทำไม่ผิดคุณธรรมก็ไม่มีอะไรที่น่าจะต้องหลบหนีหน้าตากัน
สนธิ ลิ้มทองกุล จะนำความผิดพลาดในการทำงานตั้งแต่กลับจากต่างประเทศเมื่อ
10 ปีที่แล้วมาตีแผ่เป็นขั้นตอนเพื่อให้คนรุ่นหนุ่มที่กำลังก้าวขึ้นมาได้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจ
บันทึกนี้ไม่ใช่บันทึกระดับชาติหรือระดับโลก
แต่บันทึกนี้จะเล่าให้ฟังเป็นครั้งแรกในวงการธุรกิจเมืองไทยถึงเบื้องหลัง
ปัญหาการล้มเหลว ตลอดจนการประสบความสำเร็จ
เราจะพูดถึงการเจริญเติบโตของ PSA
พร สิทธิอำนวย เป็นคนอย่างไร?
เขามีวิธีการใช้คนมาทำงานให้อย่างไร?
สุธี นพคุณ ในที่สุดทำไมแตกจากพร?
ทำไมพรถึงไปได้ดี แต่สุธีล้มเหลว?
บทบาทของบุญชูระหว่างพรและสุธีอยู่ที่ไหน?
ทำไมจึงมี Advance Media และทำไมจึงทำ Business Times?
Business Times ล้มเหลวเพราะอะไร?
อาณาจักร PSA ทำไมถึงขยายเร็ว? เอาเงินที่ไหนมาขยาย?
ฐาน PSA อยู่ที่ไหน? ฯลฯ
อะไรคือการทำงานที่ล้มเหลวของเขา?
จากคนหนุ่มที่พุ่งไปไกลมาก จากการที่ได้คบกับผู้หลักผู้ใหญ่ตั้งแต่นักธุรกิจระดับนานาชาติจนถึงอดีตรองนายกฯ
ได้ให้ข้อคิดอะไรกับเขาบ้าง?
บันทึกนี้ไม่ใช่บันทึกของความสำเร็จแต่เป็นบันทึกของบทเรียน!
บันทึกนี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ต้องการเก็บไว้เป็นหนังสืออนุสรณ์งานศพในอีก
20-30 ปีข้างหน้า เพราะเรื่องบันทึกนี้ยังเป็นเรื่องใหม่สดและ ผู้อ่านสามารถนำไปใช้ในการทำงานได้
มนุษย์ทุกคนมีอดีต
อดีตบางอย่างควรเก็บไว้กับตัวเอง
แต่อดีตบางอย่างควรนำออกมาเผยแพร่ให้เป็นวิทยาทานกับคนหนุ่มคนสาวให้เป็นประโยชน์ต่อวงการบริหาร
ไพบูลย์ สำราญภูติ ที่ปรึกษาหนังสือผู้จัดการ เมื่อทราบถึงบันทึกนี้กล่าวว่า
"จะมีคนอยู่สามประเภทที่จะอ่าน
บันทึกนี้ พวกแรกคือเพื่อนฝูงที่เห็นใจ พวกที่สองคือคนที่อยากเรียนรู้ พวกที่สามคือ
พวกที่เกลียดขี้หน้าคนเขียนจะได้เอามาซ้ำเติม"
การซ้ำเติมไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย หากเป็นเสมือนกำลังใจที่ให้มีมานะในการต่อสู้อีกต่อไป
ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า "มีคนในโลกนี้อยู่ 2 ประเภท ประเภทแรกคือ คนที่ล้มแล้วลุกไม่ได้เลย
ประเภทที่สองคือคนที่จะล้มกี่ครั้งแล้วก็ยังพยายามลุกขึ้นมาอีก ทุกครั้งไป"
และหากบันทึกนี้สามารถจะเป็นกำลังใจให้คนที่ล้มแล้วลุกขึ้นมาสู้ต่อไป และเป็นบทเรียนให้กับคนหนุ่มสาวในการทำงานได้แล้วละก้อจะมีคนอีกสักล้านคนมาซ้ำเติมผู้เขียนบันทึกนี้ก็คงจะไม่เป็นไรกระมัง?