|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
คลังเผยสำนักงบประมาณเข้าหารือตัวเลขเงินเพิ่มทุนแบงก์เฉพาะกิจของรัฐตามเกณฑ์ IAS39 เตรียมบรรจุเข้างบปี 51 มั่นใจต้นเดือนเม.ย.ตัวเลขออกมาชัดเจนแต่จะให้แบงก์ไหนก่อนหลังขอดูความจำเป็นก่อน ขณะที่สศค.ระบุไม่จำเป็นต้องทำตามแบงก์ชาติ 100%
นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงบประมาณได้รับทราบนโยบายการสนับสนุนงบประมาณในการเพิ่มทุนสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐตามเกณฑ์มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศใหม่ฉบับที่ 39 (IAS 39) ในปีงบประมาณ 2551 แล้ว โดยในส่วนของกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินวงเงินที่ชัดเจนอยู่ และกระทรวงการคลังต้องดูด้วยว่า จะสามารถสนับสนุนงบประมาณได้เท่าใด ซึ่งจะต้องได้ความชัดเจนและเสนอให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ 12 เมษายนนี้
โดยนโยบายการเพิ่มทุนให้กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐนั้น ได้สั่งให้พิจารณาตามลำดับความสำคัญและความจำเป็นของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง เนื่องจากทุกแห่งล้วนแต่ขอเพิ่มทุนมาทั้งสิ้น ซึ่งเบื้องต้นมองว่า การเพิ่มทุนในปีแรก คงต้องเพิ่มทุนให้กับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เป็นแห่งแรก เพราะเป็นสถาบันการเงินที่กระทรวงการคลังไม่ต้องค้ำประกันเงินกู้ให้ ทั้งนี้ หากมีการเพิ่มทุนให้ก่อน ก็จะทำให้ ธสน. มีความเข้มแข็งสามารถให้การสนับสนุนผู้ประกอบการได้อย่างเต็มที่
"ในเบื้องต้นสำนักงบประมาณได้เข้ามาหารือเรื่องการเพิ่มทุนแบงก์รัฐแล้ว ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าต้องเข้าไปอยู่ในงบประมาณรายจ่ายของปี 51 ทั้งนี้กระทรวงการคลังจะต้องจัดสรรเงินสำหรับเพิ่มทุนให้กับธนาคารทั้ง 4 แห่งอยู่แล้ว แต่ธนาคารแห่งใดจะได้รับมากน้อยเพียงใดหรือได้ก่อนหลังต้องพิจารณาตามความจำเป็นและตามแผนการเพิ่มทุนที่ธนาคารส่งมายังกระทรวงการคลัง ซึ่งธนาคารแต่ละแห่งได้ส่งแผนมาให้สศค.พิจารณาแล้ว โดยมีทั้งแผน 3 ปี 5 ปีต้องรอให้สศค.สรุปแผนทั้งหมดออกมาก่อน” นายศุภรัตน์กล่าว
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า ทางสศค.จะต้องหารือรายละเอียดการเพิ่มทุนกับแบงก์รัฐอีกครั้ง ซึ่งนอกจากการส่งแผนเพิ่มทุนแล้วแบงก์รัฐจะต้องเสนอแผนุรกิจเชิงรุกมาให้สศค.พิจารณาประกอบการเพิ่มทุนด้วย โดยเท่าที่ดูแผนการดำเนินธุรกิจของแบงก์รัฐทั้ง 4 แห่งที่มีความต้องการเพิ่มทุนให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศใหม่ฉบับที่ 39 นั้นถือว่ามีการขยายสินเชื่ออย่างเข้มงวดและป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น
นอกจากนี้สศค.จะต้องพิจารณาด้วยว่าธนาคารของรัฐทั้ง 4 แห่งที่ขอเพิ่มทุน ประกอบไปด้วย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ และธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) มีความพร้อมที่จะใช้เกณฑ์มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศใหม่ฉบับที่ 39 เมื่อไร ซึ่งวงเงินที่ขอเพิ่มทุนเข้ามานั้นสูงถึง 27,000 ล้านบาท
"สศค.จะต้องดูแผนการดำเนินธุรกิจของแบงก์ทั้ง 4 ให้รอบคอบ จะเพิ่มทุนอย่างไรเพิ่มเมื่อไหร่ก็บอกมาสศค.จะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม ซึ่งแบงก์รัฐไม่จำเป็นจะต้องทำตามเกณฑ์มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศใหม่ฉบับที่ 39 ของแบงก์ชาติ 100% เพราะไม่ได้ทำธุรกิจที่แสวงหากำไรเหมือนธนาคารพาณิชย์แต่เป็นการทำเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่อย่างไรก็ตามต้องให้ระบบบัญชีของแบงก์ต้องมีมาตรฐานที่เหมาะสม” นางพรรณีกล่าว
|
|
|
|
|