นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
เปิดเผยผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาว่ามีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยมาจากเงินปันผลในส่วนที่สำนักงานทรัพย์สินฯไปถือหุ้นในบริษัทต่างๆ
คิดเป็นเงิน 360 ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ดี สำหรับปีนี้ นอก จากสำนักงานทรัพย์สินฯจะได้รับเงินปันผลประจำปี 2545
จากบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) ประมาณ 1,000 ล้านบาทแล้ว ในวันที่ 1 เมษายนนี้
ทางบริษัท ดุสิตธานี จำกัด(มหาชน)ก็จะครบกำหนดชำระค่าเช่างวดแรก จำนวน 360 ล้านบาท
ตามที่ได้ลงนามในสัญญา ต่ออายุการเช่าที่ดิน 12-15 ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมดุสิตธานี
ต่อไปอีก 15 ปี โดยดุสิตธานีได้ตกลง ชำระค่าเช่าล่วงหน้า 15 ปีเป็นเงิน 1,100 ล้านบาท
แบ่งการชำระออกเป็น 3 งวด โดยงวดที่สองจะชำระภายในวันที่ 1 เมษายน 2547 จำนวน 360
ล้านบาท และอีก 380 ล้านบาทในวันที่ 1 เมษายน 2548
ทั้งนี้ เงื่อนไขในสัญญาเดิมระบุว่าผู้เช่ามีสิทธิต่อสัญญาเช่าได้ 2 ครั้งๆละ
15 ปี ภายหลังครบกำหนด สัญญาเช่า 30 ปีแรก ซึ่งคิดค่าเช่าแค่ปีละประมาณ 20 ล้านบาท
และกำลังจะครบกำหนดในวันที่ 31 มีนาคม ที่จะถึงนี้
ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินฯกล่าวต่อไปว่า การลงทุน ที่ถือว่าเป็นธุรกิจหลักยังคงนโยบาย
เดิม 3 บริษัท ได้แก่ ปูนซิเมนต์ ไทยฯ ธนาคารไทยพาณิชย์ และ เทเวศประกันภัย
"ขณะนี้เราถือหุ้นปูนซิเมนต์ 31% สำหรับเทเวศประกันภัยก็เป็น บริษัทเดียวที่จ่ายเงินปันผลมาตลอดโดยปีนี้ก็ปันผลหุ้นละ
8 บาท ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์ก็คาดว่าจะปันผลได้ปี 47 ภายหลังจากล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายในเดือนมีนาคมนี้
โดยสำนักงานทรัพย์สินฯได้เตรียมความพร้อมที่จะเข้าไปซื้อหุ้น ในส่วนที่กระทรวงการคลังถืออยู่
โดยจะซื้อเพิ่มในสัด ส่วน 13% เพื่อให้สัดส่วนการถือหุ้น อยู่ในระดับ 25-26% ส่งผลให้กระ
ทรวงการคลังซึ่งปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 38% เหลือ 25% แต่ทั้งนี้ยังต้องมีการหารือในรายละเอียด"
ค่าเช่าจากหน่วยงานรัฐเพิ่มก้าวกระโดด
สำหรับนโยบายในส่วนของที่ดินของสำนัก งานทรัพย์สินฯที่ให้หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจเช่า
ซึ่งเป็นผู้เช่าพื้นที่และอาคารในส่วนกลางร้อยละ 30-40 ของพื้นที่เช่าส่วนกลางทั้งหมดหรือคิดเป็นเนื้อที่ประมาณ
3,400 ไร่ นั้น
ม.ร.ว.ยงสวาสดิ์ กฤดากร รองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินฯกล่าวว่า สัญญาเช่าส่วนใหญ่ที่ได้ทำกับหน่วยงานเหล่านี้เป็นสัญญาดั้งเดิม
ดังนั้นอัตราค่าเช่าจึงต่ำมาก บางสัญญาคิดค่าเช่าตารางวาละ 1 บาท ต่อปีก็มี ยกตัวอย่างเช่น
สัญญาเช่าของสำนัก งานตำรวจแห่งชาติ สี่แยกราชประสงค์ พื้นที่ 75 ไร่ คิดค่าเช่าเดือนละ
56,010 บาทหรือตารางวาละ 2 บาทต่อเดือนเท่านั้น
ดังนั้นก่อนปี 2543 สำนักงานทรัพย์สินฯจึงมีรายได้จากค่าเช่าจากหน่วยงานราชการ
และรัฐวิสาหกิจเพียง 70 ล้านบาท แต่ต่อมาเมื่อรัฐบาลมีการปรับปรุงระเบียบการใช้ที่ราชพัสดุ
จึงมีการทบทวนความเหมาะสม และจากการว่าจ้างบริษัทเอกชนมาสำรวจและประเมินราคาพบว่าอัตราค่าเช่าที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่
ร้อยละ 2 ของมูลค่าที่ดินที่เช่าสำหรับ หน่วยงานราชการ และร้อยละ 3 สำหรับรัฐวิสาหกิจ
เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่องบประมาณของทางราชการจึงได้มีการทยอยปรับค่าเช่าเพิ่มโดยเริ่มจากอัตราร้อยละ
0.2 ในปี 2544 จนถึงร้อละ 2 ในปี 2549 เมื่อปรับค่าเช่าจนไปถึงร้อยละ 2 แล้ว ก็จะประเมินมูลค่าที่ดินใหม่
หากมูลค่าที่ดินเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นหรือลดลงอัตราค่าเช่าก็จะก็จะปรับเปลี่ยนไปตามความเป็นจริง
"ปัจจุบันหน่วยงานราชการกว่าร้อยละ 80 ได้มาทำสัญญาเช่าใหม่แล้ว โโยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นที่
2 ของอัตราค่าเช่า และกำลังก้าวไปสู่ขั้นที่ 3 คือร้อยละ 1 ผลจากการดำเนินการดำเนินงานดังกล่าวส่งผลให้สำนักงานทรัพย์สินฯมีรายได้เพิ่มจาก
70 ล้าน มาเป็น 115 ล้านบาทและอยู่ในระดับ 300 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา"
สำหรับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.รัฐวิสาหกิจที่ได้รับงบประมาณทั้งหมด
จากรัฐบาล และ2.รัฐวิสาหกิจที่ได้รับเงินอุดหนุนบางส่วน อย่างไรก็ตาม ยังมีรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่บางแห่งที่สามารถรับภาระได้
เช่น องค์การโทรศัพท์ และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
หากรัฐวิสาหกิจแห่งใดที่ไม่สามารถดำเนินตาม อัตราค่าเช่าใหม่ได้ สำนักงานทรัพย์สินฯก็จะพิจารณา
ผ่อนปรนตามความสามารถ และจะเปิดโอาสให้เข้ามาเจรจาเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงและปัญหาต่อไป
ที่ดินเข้าตาดิสเคานต์สโตร์
สำหรับที่ดินแปลงใหญ่ของสำนักงานทรัพย์สินฯบริเวณสะพานขาว 2 แปลง ซึ่งกำลังเป็นที่น่าจับตาว่าใครจะเข้ามาจับจองพื้นที่นี้
คือที่ดิน 17 ไร่แปลงโรงหนังแอมบาสเดอร์เก่า และฝั่งตรงข้ามบริเวณโรงหนังปารีสเก่าอีก
19 ไร่ รวมแล้วกว่า 30 ไร่ โดยคาดกันว่าน่าจะเป็นอีกเป้าหมายหนึ่งที่บรรดา ดิสเคานต์สโตร์ต่างจ้องมองอยู่
ช่วงที่ผ่านมาก็มีบรรดากลุ่มทุนหลายรายที่เสนอตัวเข้ามาจะพัฒนาพื้นที่ แต่ก็ยังไม่มีรูปแบบที่ชัดเจนเพียงพอ
ทางสำนักงานทรัพย์สินฯจึงยังไม่ตัดสินใจ และไม่รีบร้อนทางสำนักงานทรัพย์สินฯก็มีโครงการที่จะจัดระเบียบการใช้ที่ดินบริเวณนี้ใหม่
แต่ คงไม่ถึงกับไปไล่รื้อผู้เช่าเดิม ซึ่งเวลานี้ก็มีการเช่า อยู่กันต่อแต่เป็นระยะสั้น
"มีแค่สองแปลงเท่านั้นที่มีค้าปลีกต่างชาติเข้ามาเช่าพื้นที่จากสำนักงานทรัพย์สินฯ
นอกจากนี้ยังไม่มีเลย ซึ่งเราเองก็ไม่ได้เน้นในจุดนี้เท่าใด อยู่ที่ว่าใครเสนอเงื่อนไขโครงการมาเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและผลประโยชน์ที่เรารับได้"
จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหา กษัตริย์ กล่าว
โครงการที่มีความชัดเจนแล้วคือ ที่ดินบริเวณ ที่แยกเจริญผล ซึ่งเป็นที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินกว่า
15 ไร่ ทางเทสโก้โลตัสได้ทำการเซ็นสัญญาเช่าที่ดินไปแล้วนาน 30 ปี เมื่อกลางปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังมีผู้เช่าเดิมของสำนักงานทรัพย์สินฯ อยู่ต่อ ซึ่งมีสัญญาระยะสั้นหลังจากที่มีการเจรจากันแล้วแค่
18 เดือน ผ่านไปแล้ว 8 เดือน เหลืออีก 10 เดือน เมื่อผู้เช่าเดิมย้ายออกหมด ทางสำนักงานทรัพย์สินฯจะส่งมอบที่ดินให้กับเทสโก้โลตัสและจึงเริ่มนับสัญญาตั้งแต่ได้รับส่งมอบที่ดิน
อีกแห่งคือ บิ๊กซี ติวานนท์ ซึ่งบิ๊กซีเช่าที่จากสำนักงานฯแค่ประมาณ 4-5 ไร่เท่านั้นนอกนั้นเป็นที่ดินที่เป็นเอกชนรายอื่นที่บิ๊กซีไปดำเนินการเอง
จากทั้งหมด 20 กว่าไร่
ส่วนโครงการสวนลุมไนท์บาร์ซา ก็เป็นสัญญา ระยะสั้นแค่ 3 ปี ซึ่งใกล้จะครบสัญญาในปีนี้แล้ว
ก็เป็นอีกทำเลหนึ่งที่สำนักงานฯมีแผนจะพัฒนาให้มีความคุ้มค่ากับพื้นที่กว่า 127
ไร่ รวมไปถึงสามารถที่จะพัฒนาเชื่อมต่อกับที่ดินของรัฐบาลโดยเฉพาะย่านศูนย์ประชุมเพื่อให้เกิดศักยภาพร่วมกัน
ปัจจุบันสำนักงานทรัพย์สินฯมีผู้เช่าทั่วประเทศ ประมาณ 35,000 ราย จำแนกเป็นผู้เช่าในกรุงเทพฯ
22,000 ราย และต่างจังหวัดประมาณ 13,000 ราย