Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2536








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2536
"เอริค ชิน จีนข้ามรัฐ"             
โดย Vyvyan Tenorio
 


   
search resources

วู้ด เท็กซเจอร์ อิงค์
เอริค ชิน




เอริค ชินเป็นคนไต้หวัน เขาเป็นเจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์ในเขตอุตสาหกรรมแบบที่เรียกกันในภาษาเม็กซิโกว่า MAQUILADORA ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเม็กซิโก

MAQUILADORA หมายถึง โรงงานอุตสาหกรรมประเภทประกอบชิ้นส่วน ที่ใช้แรงงานราคาถูกและเป็นของคนต่างชาติ โรงงานเหล่านี้ได้รับอนุญาตนำอุปกรณ์ วัตถุดิบ เข้ามาในเม็กซิโก โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า เพื่อผลิตหรือประกอบสินค้าส่งเข้าไปขายในสหรัฐฯ ภาษีที่จะต้องจ่ายให้กับรัฐบาลเม็กซิโก มีเพียงภาษีมูลค่าเพิ่มในส่วนของต้นทุนค่าแรงเท่านั้น คำว่า MAQUILA คือเงินรายได้ของเจ้าของโรงสีที่เก็บจากการสีข้าว ในช่วงที่เม็กซิโกตกเป็นเมืองขึ้นของสเปน

เถ้าแก่วัย 50 ปีจากไทเป ย้ายโรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้โอ๊กจากเมืองทัสติน ในเขตอุตสาหกรรมทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย มาอยู่ที่เมือง TECATE ในเม็กซิโก ซึ่งอยู่ห่างจากพรมแดนสหรัฐฯ - เม็กซิโกในเมืองซานดิเอโก ชั่วระยะเวลาขับรถเพียง 25 นาทีเพื่อหลีกเลี่ยง ความเข้มงวดของรัฐแคลิฟอร์เนียเกี่ยวกับมาตรฐานอากาศเสียที่เกิดจากโรงงาน และปัญหาข้อพิพาทกับสหภาพแรงงาน ที่เขาแพ้และต้องยอมจ่ายค่าแรงเพิ่มขึ้น

"ผมชอบงานที่ท้าทาย แต่ว่าลำบากมากที่นี่ ทุกสิ่งทุกอย่างแตกต่างไปหมด ทั้งเรื่องภาษา วัฒนธรรม แต่ผมไม่มีทางเลือก ผมต้องสร้างโรงงานขึ้นมาให้ได้" ชินกล่าว

ปัจจุบันโรงงานของชินผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้โอ๊กได้ถึง 1 ใน 3 ของทั้งหมดที่ขายอยู่ในอเมริกาโดยมีบริษัท วู้ด เท็กซเจอร์ อิงค์ เป็นผู้แทนจำหน่าย บริษัทนี้อยู่ที่นิวเจอร์ซี่ โดยชินร่วมกับเพื่อนชาวไต้หวัน ไมเคิลและโทมัส วู เข้าหุ้นกันตั้งขึ้นมา

วู้ด เท็กซเจอร์ ขายตู้วางโทรทัศน์และเครื่องเสียงสเตอริโอของอเมริกาให้กับร้านเฟอร์นิเจอร์ในอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก โดยเมื่อปีที่แล้วมียอดขาย 30 ล้านเหรียญ

ถึงแม้เม็กซิโกเริ่มจะเข้มงวดเรื่องกฎหมายสิ่งแวดล้อม ตามอย่างมาตรฐานของแคลิฟอร์เนียแต่ก็ยังขาดการควบคุมบังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย โรงงานเล็ก ๆ เป็นพันๆ โรงที่ถูกปล่อยปละละเลยไม่มีการเข้าไปตรวจสอบ ประมาณกันว่า ปริมาณของเสียทั้งหมดจากโรงงานเหล่านี้ เพียง 25% เท่านั้น ที่ผ่านการบำบัดอย่างถูกต้อง

สำหรับโรงงานของชินนั้น เขากล่าวว่า มีมาตรการที่จะลดมลภาวะในอากาศให้น้อยที่สุดโดยใช้เครื่องมือที่ทันสมัย อย่างเช่นเครื่องกรองอากาศที่ติดตั้งในส่วนของการทาแลคเกอร์เฟอร์นิเจอร์

สิ่งที่ชินเป็นห่วงคือ ข้อตกลงนาฟต้าซึ่งจะมีผลต้นปีหน้า การยกเลิกสิทธิพิเศษทางภาษี จะเป็นการเพิ่มต้นทุนค่าแรงและการผลิตของเขาเป็นอย่างมาก ค่าจ้างโดยเฉลี่ยในเมือง TUSTIN จะตกประมาณ 300 เหรียญต่อสัปดาห์ ในขณะที่ค่าจ้างที่ TECATE จะตกประมาณ 50-60 เหรียญเท่านั้น คนงานในเม็กซิโกจะไม่ได้รับค่าล่วงเวลาตามมาตรฐานของสหรัฐ และไม่ได้รับสิทธิประโยชน์อื่นใดเหมือนที่กฎหมายสหรัฐกำหนดไว้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ประธานาธิบดีของเม็กซิโก คาร์ลอส ซาลินาส เดอกอร์ตารี ก็ยังได้กำหนดเพดานจำกัดการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไว้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ทำกับองค์กรของคนงานด้วย

แม้ว่าเงื่อนไขเหล่านี้จะเป็นข้อได้เปรียบที่ดีแต่การเริ่มต้นธุรกิจในเม็กซิโกก็เป็นเรื่องเหนื่อยแสนสาหัส ชินต้องตระเวนไปตามชนบทของเม็กซิโกเพื่อหาคนงาน จากที่ไม่มีเลยจนปัจจุบันเขามีคนงานอยู่ 50 คน "เป็นเวลา 4 เดือน ที่ทุกวันผมจะต้องออกจากโรงแรมที่พักตั้งแต่ตี 5 ขับรถบรรทุกไปที่ภูเขาทางใต้ของ TECATE เพื่อรับคนงานไปทำงานให้ทันเวลา 7 โมงเช้า เราทำงานล่วงเวลาถึงสามทุ่ม และเมื่อผมส่งคนกลับบ้านเสร็จ กว่าจะถึงโรงแรมก็เกือบเที่ยงคืน" ชินเล่าให้ฟัง

บ่อยครั้งที่ชินถูกตำรวจทางหลวงเรียกให้หยุดเพราะขับรถเร็ว "เขามักจะเรียกค่าปรับประมาณ 50 เปโซซึ่งผมจะต้องโต้เถียงกับเขาและจะให้ไม่เกิน 20 เปโซโดยบอกว่ามีอยู่เท่านี้" ชินพูดถึงพฤติกรรมตำรวจเม็กซิโก ต่อมาเขาได้พบกับนายกเทศมนตรีในงานสังคมแห่งหนึ่ง นายกเทศมนตรีแนะนำให้เขารู้จักกับหัวหน้าตำรวจท้องถิ่น "เมื่อพวกตำรวจรู้ว่าผมคือใครแล้ว พวกเขาก็ไม่มากวนผมอีกเลย" ชินกล่าว

การไปทำธุรกิจต่างบ้านต่างเมือง งานประชาสัมพันธ์สร้างภาพพจน์กับคนท้องถิ่น เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง "ผมได้บริจาคเงิน 1,000 เหรียญสหรัฐ ให้กับโรงเรียนและสถานเด็กกำพร้าทุกปีและผมก็ได้บริจาคเฟอร์นิเจอร์ให้กับหน่วยงานสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่นอีกด้วย เราไม่มีทางปฏิเสธสำหรับคำขอพวกนี้"

แต่ปัญหาที่ท้าทายมากที่สุด คือวัฒนธรรมในการทำงาน ความตรงต่อเวลาของคนงานและแรงจูงใจในการทำงานเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งชินใช้แผนการตั้งโบนัสให้คนงานที่ทำงานเสร็จก่อนกำหนด และคนที่มาทำงานตรงเวลาอย่างต่อเนื่อง ภายในปีเดียวประสิทธิภาพของคนงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าตัว

อย่างไรก็ตาม เรื่องน่าปวดหัวก็ยังมีอยู่ อัตราการเข้าออกของพนักงานที่สูงถึง 12% ต่อเดือนเป็นเรื่องปกติของโรงงานแถบนี้ เพราะคนงานเม็กซิกันชอบข้ามพรมแดนไปรับจ้างในสหรัฐฯ มากกว่า เขาพยายามจะแก้ไขในเรื่องนี้ ด้วยการตอบสนองความต้องการส่วนตัวของคนงานเป็นครั้งคราว เช่นให้เงินกู้แก่พนักงานเป็นกรณีพิเศษ เข้าไปใกล้ชิดกับคนงานถึงในโรงงานบ้าง ชินเชื่อว่าการให้เกียรติและการเอาใจใส่กับคนงาน ทำให้คนงานมีความภักดีต่อองค์กร ซึ่งเห็นได้ชัดว่า เขาไม่ได้มีการรายงานว่าเครื่องมือหรืออุปกรณ์จะถูกขโมยหรือสูญหายอีกเลยหลังจากนั้น

การโยกย้ายธุรกิจไปทางใต้สู่เม็กซิโกของชินไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา CALIFORNIA BUSINESS INTELLIGENCE SERVICE ซึ่งอยู่ที่เมืองพาโล อัลโต้ ได้ทำการสำรวจพบว่า ธุรกิจในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ จำนวนมากกว่า 1 ใน 3 มีแผนที่จะขยับขยายหรือย้ายฐานธุรกิจในช่วง 2 ปีข้างหน้า และจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือเม็กซิโก เหตุผลหลักของผู้บริหาร 1,450 คน ซึ่งเป็นเป้าหมายการสำรวจนี้ก็คือ เพื่อลดต้นทุนการผลิต ชินเกิดที่ปักกิ่ง เขาอพยพไปอยู่ที่ไต้หวันในปี 1948 และได้ย้ายอีกครั้งไปอยู่ที่นิวเจอร์ซี่ก่อนหน้าจะไปปักหลักที่แคลิฟอร์เนีย ทุกวันนี้เขาเชื่อว่าได้พบสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิตที่ข้ามไปข้ามระหว่างพรมแดนแล้ว ตอนกลางวันเขาทำงานในเม็กซิโก ตอนกลางคืนกลับไปอยู่บ้านที่ชานเมืองซานดิเอโก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือนิสัยในการทำงาน ชินกล่าวว่า "ผมยังคงทำงานอาทิตย์ละ 60 ชั่วโมงเช่นเดิมซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนจีน"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us