"ซัมซุง" ภายใต้กลยุทธ์ "นิววิชั่น" กำลังผลักดันตลาดกล้องดิจิตอลให้ก้าวขึ้นสู่ผู้นำตลาด ด้วยการพัฒนานวัตกรรมกล้องดิจิตอลให้เป็นมากกว่าเพียงกล้องถ่ายรูป ตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ลูกค้าทั่วโลก ฉีกความแตกต่างทางด้านโปรดักส์เหนือคู่แข่ง พร้อมเจาะตลาดครอบคลุมทุกเซกเมนต์

การทำตลาดกล้องดิจิตอลในปีนี้ของซัมซุงถือได้ว่าทวีความเข้มข้นอย่างมาก หลังจากที่ซัมซุงได้มีการพัฒนากลยุทธ์เพื่อการทำตลาดกล้องดิจิตอลอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2549 ที่ซัมซุงมีการซินเนอยี่ผลิตภัณฑ์ของซัมซุง เพื่อสร้างกล้องดิจิตอลให้มีคุณภาพในราคาเพียงครึ่งเดียวของแบรนด์คู่แข่ง จนสามารถผลักดันแบรนด์ซัมซุงให้ก้าวขึ้นมาเป็นเมเจอร์แบรนด์ในตลาดโลก

เป้าหมายสำคัญของซัมซุงในปีนี้ ซัมซุงต้องการที่อยู่ในอันดับท็อปทรีในตลาดกล้องดิจิตอลทั่วโลก หรือการมียอดขายประมาณ 12 ล้านเครื่อง ก่อนที่ในปี 2551 ซัมซุงจะก้าวขึ้นไปเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดกล้องดิจิตอลโลกด้วยยอดขาย 20 ล้านเครื่อง

การที่ซัมซุงจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้นั้น ซัมซุงได้มีการวางกลยุทธ์ใหม่สำหรับปีนี้ที่เรียกว่า กลยุทธ์ "นิววิชั่น" ซึ่งจะเน้นความสำคัญในการนำซัมซุงขึ้นเป็นผู้นำตลาดกล้องดิจิตอลระดับโลก

"ซัมซุงมีความพร้อมทั้งในเรื่องของนวัตกรรม การออกแบบ การพัฒนาและการผลิต ทำให้ซัมซุงมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทั่วโลก" เจ ควอน ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช บริษัท ซัมซุง เทควิน จำกัด

จรัสพงศ์ เจนจรัสสกุล ผู้จัดการทั่วไป ผลิตภัณฑ์ดิจิตอลไลฟ์สไตล์ บริษัท เจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด ในฐานตัวแทนซัมซุงในการทำตลาดกล้องดิจิตอลซัมซุงในประเทศไทย กล่าวว่า ปี 2550 ซัมซุงมีเป้าหมายใหญ่ที่ต้องการก้าวกระโดด เพื่อเป้าหมายการเป็นผู้นำตลาดในปีหน้าให้ได้ ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดเมืองไทย

"ปีนี้ซัมซุงจะสร้างนิยามใหม่ทางด้านการถ่ายภาพ โดยมีกล้องดิจิตอลที่โดดเด่นทั้งเทคโนโลยีและการออกแบบมาแนะนำในตลาดในประเทศไทยกว่า 20 รุ่น เฉพาะในครึ่งปีแรกมีประมาณ 13 รุ่น" จรัสพงศ์ กล่าวและว่า "เราขายกล้องดิจิตอลที่เป็นมากกว่ากล้องถ่ายรูป เห็นได้ชัดจากกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ล่าสุดของซัมซุง ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต มีฟังก์ชั่นดูหนัง ฟังเพลง หรือการดีไซน์กล้องดิจิตอลแบบหมุนได้ บนหน้าจอแบบทัชสกรีน"

ควอน กล่าวว่าในระยะแรกกลยุทธ์ทางธุรกิจของซัมซุง จะเน้นการสร้างความเชื่อถือให้กับแบรนด์ซัมซุงในฐานะผู้ผลิตกล้องดิจิตอลระดับพรีเมี่ยม ที่มีสไตล์และมีความก้าวล้ำทางเทคโนโลยี กลยุทธ์นี้ทำให้ซัมซุงกลายเป็นหนึ่งในสามแบรนด์ระดับแนวหน้าของประเทศไทยภายในเวลาไม่ถึง 8 ปี

ซัมซุงได้จัดสรรงบประมาณการตลาดกว่า 100 ล้านบาท สำหรับการโฆษณาทางสื่อสิ่งพิมพ์และภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ นอกจากนั้นยังทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการออกโรดโชว์ในจังหวัดหลักๆ ทั่วทุกภูมิภาค เพื่อให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้มีโอกาสสัมผัสและทดลองใช้กล้องดิจิตอลระดับพรีเมี่ยมของซัมซุง โดยตั้งเป้ายอดขายในกรุงเทพฯ ไว้ที่ร้อยละ 70 และอีกร้อยละ 30 จากยอดขายในจังหวัดหลักของภูมิภาค และตั้งเป้าการเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 30

"ขณะนี้ผู้ใช้กล้องดิจิตอลมีความเชี่ยวชาญในการใช้กล้องดิจิตอลมากขึ้น การใช้งานจึงไม่ใช่เพียงแค่การเล็งและกดชัตเตอร์อีกต่อไป แต่จะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและฟังก์ชั่นมัลติมีเดียต่างๆ ทำให้กล้องดิจิตอลระดับพรีเมี่ยมทุกวันนี้พัฒนาไปไกลมาก ขณะที่ราคาโดยเฉลี่ยกลับถูกลง"

ทั้งนี้ประเทศไทยถือเป็นตลาดกลยุทธ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับกล้องดิจิตอลของซัมซุง โดยตลาดประเทศไทยได้เติบโตขึ้นกว่า 10 เท่า ภายในเวลาเพียง 5 ปี จาก 90,000 เครื่องในปี 2545 เป็นประมาณ 920,000 เครื่องภายในสิ้นปี 2550 และคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 10,000 ล้านบาทในปี 2549

สำหรับกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ที่ซัมซุงจะนำออกสู่ตลาดในไตรมาส 2 นี้ คือซัมซุง i7 และ ซัมซุง i70 โดยซัมซุง i7 มีจอแอลซีดีระบบสัมผัสที่สามารถหมุนได้ 180 องศา ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว และซัมซุง i70 มีดีไซน์แบบสไลด์ เมื่อเลื่อนเปิดออกจะทำให้เห็นเมนูแบบสัมผัสที่ใช้งานง่าย

นอกจากกล้องดิจิตอลแบบคอมแพ็ค ซัมซุงยังเปิดตัวกล้อง D-SLR รุ่น GX-10 สำหรับนักถ่ายภาพทั่วไปทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น กล้องรุ่นนี้มีความละเอียด 10.2 ล้านพิกเซล จอภาพทีเอฟที แอลซีดี ขนาด 2.5 นิ้ว และช่องมองภาพแบบเพนทาปริซึม ทำให้มองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นและมุมกว้างขึ้น แสดงภาพเหมือนจริง 95% รองรับชุดเลนส์ทั้งของซัมซุงและเพนเท็กซ์