|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัท มอร์แกนสแตนเลย์ พร้อมผู้บริหารกองทุนจากสหรัฐอเมริกา และยุโรปรวม 4 ราย ได้เข้าสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปัจจัยทางด้านการเมือง และเศรษฐกิจของไทย การแก้ไขกฎหมายต่างๆ เช่น การแก้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ผู้ประกอบธุรกิจต่างด้าว รวมถึงนโยบายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการพัฒนาตลาดทุนไทย เพื่อนำไปพิจารณาในการประกอบการตัดสินใจในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้ ผู้บริหารกองทุนต่างประเทศได้ให้ความเห็นที่สอดคล้องกันว่า ตลาดหุ้นไทยมีความสนใจน่าเข้ามาลงทุน และราคาถูก แต่ก่อนที่จะนำเม็ดเงินใหม่เข้ามาลงทุน จะต้องศึกษาข้อมูลเพื่อสร้างความมั่นใจในตลาดหุ้นไทยก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้กองทุนดังกล่าวยังคงลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เช่น กลุ่มพลังงาน และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ฯลฯ
"ผู้บริหารกองทุนต่างประเทศเข้าพบครั้งนี้ เพราะต้องการขอความมั่นใจการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยผู้บริหารกองทุนต่างๆ ได้มีการสอบข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ และการแก้ไขกฎหมายต่างๆ เช่น พ.ร.บ.ต่างด้าว การแปรูปรัฐวิสาหกิจ รวมถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทย และได้มีการสอบถามถึงมาตรการ 30% ด้วย"
นายวิเชฐ กล่าวต่อว่า ผู้บริหารกองทุนต่างๆ มีการตอบรับที่ดีและสนใจจะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย หลังจากได้รับทราบข้อมูลต่างๆ จากผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ เรียบร้อย และหลังจากนั้นผู้บริหารกองทุนดังกล่าวยังได้เข้าพบกับนายกรณ์ จาติกวานิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองและเศรษฐกิจอีกด้วย
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ในปลายเดือนเมษายนนี้ ทางสมาคมฯจะมีการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และมุมมองด้านการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) ค่าเงิน อัตราดอกเบี้ย ดัชนีตลาดหุ้นไทย โดยส่วนตัวเชื่อว่านักวิเคราะห์จะมีการปรับลดในเรื่องการเติบโตเศรษฐกิจปีนี้ จากที่ผ่านมายังไม่มีมาตรการที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง ส่งผลให้มีการลงทุนต่างๆ น้อยลงตามไปด้วย
"ผมมองว่าภาครัฐควรที่จะมีการลดดอกเบี้ย เพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการเติบโตมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ทันทีในช่วงนี้ ไม่เหมือนกับปัจจัยทางการเมือง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จะต้องใช้เวลาที่จะรอความชัดเจน โดยส่วนตัวมองว่า ภายใน 3-5 เดือนนี้ ควรที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 0.75-1% แต่หากสามารถลดอัตราดอกเบี้ยก่อนวันที่ 11 เมษายนนี้จะเป็นเรื่องที่ดี"
ต่างชาติขายสุทธิ 500 ล้านบาท
ด้านบรรยากาศการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ วานนี้ (21 มี.ค.) ดัชนีปรับตัวลงตั้งแต่ช่วงเช้า ก่อนจะดีดกลับมาเล็กน้อยในช่วงบ่าย แต่ทรงตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีปิดที่ 669.59 จุด ลดลง 2.20 จุด หรือ 0.33 % มูลค่าการซื้อขาย 7,961.36 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 502.28 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 77.30 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 579.58 ล้านบาท
ทั้งนี้ แรงขายส่วนใหญ่อยู่ในหุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงาน โดยเฉพาะบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ที่มีแรงเทขายออกมา จนราคาปรับลดลง 1.50 บาท ลดลง 1.71 % มาปิดที่ 86 บาท มูลค่าการซื้อขาย 713.59 ล้านบาท ขณะที่บริษัท ยูไนเต็ดคอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ UCOM ยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่องหลังจากมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยหุ้นปรับตัวขึ้น 4.08 % เพิ่มขึ้น 2 บาท มาปิดที่ 51 บาท มูลค่าการซื้อขาย 171.96 ล้านบาท
นายกมลชัย พลอินทวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนิตี้ จำกัด กล่าวว่า การที่หุ้นในกลุ่มพลังงานและธนาคารมีการปรับตัวลดลงในวานนี้ เป็นการเทขายต่อเนื่องของนักลงทุนต่างประเทศ หลังจากที่ประเมินสถานการณ์แล้วว่าไม่ควรที่จะถือหุ้นไว้ในตลาดหุ้นไทย และคาดว่าจะอยู่ในภาวะซบเซาและปรับตัวลงตลอดทั้งสัปดาห์ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 660 - 650 จุด แนวต้าน 672-682 จุด
ทั้งนี้ ในส่วนของหุ้นของกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั่วทวีปเอเชีย มีการปรับตัวลดลงมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน การปรับตัวลดลงของหุ้น PTTEP นี้เป็นผลต่อเนื่องมาจากเรื่องดังกล่าว โดยราคาน่าจะปรับลดลงจนถึงระดับ 82 - 85 บาท และปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง
|
|
|
|
|