"ฮาริสันฯ" สยายปีกสู่อินเตอร์ ดึงโบรกเกอร์ฮ่องกงร่วมทุนตั้งบริษัทในเครือจัดงานขนอสังหาฯไทย ออกขาย เจาะนักลงทุน ฮ่องกง เซียงไฮ้ สิงคโปร์ เตรียมจัดงานใหญ่ Thai property Exproที่สวีเดน ชูจุดซื้อปล่อยเช่ากำไรงาม พร้อมการันตีค่าเช่า 7-10% ตั้งเป้ากวาดยอดขายทั้งปี 3,000 ล้านบาท ส่วนยอดขายในไทยคาด 7,000 ล้านบาท

นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) (HR)เปิดเผยว่า ในปี 2550 บริษัทฯจะหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเซกเมนท์หรือตลาดอื่นๆ ด้วย โดยการจัดกิจกรรม ด้านการขายในลักษณะ Solo Exhibition หรือเป็นการจัดงานเดียวไม่ได้ร่วมกับงานอื่นๆ ในประเทศที่มีความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย อังกฤษ ฮ่องกง สิงค์โปร์ มาเลเชีย อินโดนีเชีย และประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย

"เราจะจัดงานเดียว ตามโรงแรมห้าดาว ที่คาดว่าจะมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งการจัดงานลักษณะนี้จะมีข้อดีที่สินค้าทั้งหมดเป็นของเรา คนที่มาซื้อก็จะเป็นลูกค้าเราทั้งหมด ต่างจากที่ไปร่วมออกบูธกับบริษัทอื่นๆ ที่ลูกค้าอาจไปเลือกซื้อสินค้าของคนอื่นได้" นายกิติศักดิ์กล่าว

สำหรับการจัดงานดังกล่าว บริษัทได้เข้าไปร่วมลงทุนกับบริษัท แอล แอนด์ เอ อินเตอร์ เนชันแนล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จากฮองกง ซึ่งมีความเชี่ยวชายในตลาดดังกล่าวอยู่แล้ว โดยในแต่ละประเทศจะทำการจดทะเบียนบริษัทใหม่และฮาริสันจะต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ปัจจุบันมีสำนักงาน 4 แห่ง ได้แก่ ฮ่องกง เชียงไฮ้ สิงคโปร์ และแคนนาดา

ทั้งนี้โครงการส่วนใหญ่ที่นำไปเสนอขาย จะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมและรีสอร์ท ซึ่งปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก สังเกตได้จากยอดขายในแต่ละครั้งที่มีการจัดกิจกรรม ด้านการขายพบว่าสามารถทำยอดขายได้เป็นอย่างดี เฉลี่ยสัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 40-50 ล้านบาท บางสัปดาห์ หากเป็นโครงการที่เป็นที่น่าสนใจก็สามารถทำยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 100 - 200 ล้านบาท พร้อมทั้งมีลูกค้า ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

สำหรับผลตอบแทนในการขายอสังหาฯ ในต่างประเทศจะมีสูงกว่าในประเทศ คือในประเทศตัวแทนขายหรือโบรกเกอร์จะได้ค่าคอมมิสชั่น 2-3% แล้วแต่โครงการ ส่วนในต่างประเทศจะได้ค่าคอมมิสชั่นสูงถึง 6% แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงในการให้ผลตอบแทนแก่โบรกเกอร์

อย่างไรก็ดี บริษัทได้ปรับแผนการตลาดใหม่ โดยเพิ่มบริการจัดหาผู้เช่าอสังหาฯให้ รวมถึงเจ้าของโครงการยังการันตีรายได้จากค่าเช่า 7-10% แล้วแต่โครงการ นาน 1-2 ปี นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับ ธนาคารยูโอบี ในการจัดแคมเปญ UOB For Thailand property ให้กู้ถึง 70% ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก ต่างจากในอดีตที่บริษัทไปจัดงานโชว์ธรรมดาไม่มีผลตอบแทนจากการลงทุนมาเป็นจุดขาย

"ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจกับโครงการอสังหาฯในประเทศไทยค่อนข้างมาก โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม และรีสอร์ท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าระดับบน โดยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ซื้อเพื่อ การลงทุน เนื่องจากในประเทศไทยมีผลตอบแทนของการลงทุนในอสังหาฯเฉลี่ยอย่างน้อย 7-8% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ดึงดูดใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะในเอเชีย เพราะเนื่องจากปัจจุบันการลงทุน ในตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกง สิงคโปร์มีความผันผวนมาก อีกทั้งราคาอสังหาฯยังสูงกว่าไทย 7-8 เท่าตัว จึงทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในอสังหาฯ ซึ่งมีความแน่นอนกว่า ขณะเดียวกันอสังหาฯ ทั้งในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม มาเลเชีย ก็เป็น ที่สนใจของนักลงทุนในเอเชียด้วย เราเลยต้องเร่งทำตลาดไปพร้อม ๆ กัน " นายกิติศักดิ์ กล่าว

นายกิติศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากการจัดกิจกรรมด้านการขายในทวีปเอเชียแล้ว ในช่วงครึ่งปีหลัง ของปี 2550 บริษัทฯ มีแผนงานที่จะรุกตลาดในแถบยุโรปเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเตรียมจัดงาน Thai Property Expo ในประเทศสวีเดน เพื่อนำโครงการอสังหาฯของไทยในย่าน CBD และรีสอร์ทภูเก็ต, สมุย, หัวหิน, พัทยา และประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียมาขายให้กับนักลงทุนในยุโรป โดยเฉพาะกลุ่มสแกนดิเนเวีย ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในเขตร้อน

โดยล่าสุดทางบริษัทฯ ได้มีการพูดคุยกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันโปรโมทประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยวอีกด้วย ในปีนี้บริษัทตั้งเป็นจัดงานในต่างประเทศอย่างน้อย 50 งาน ยอดขายประมาณ 3,000 ล้านบาท ส่วนยอดขายในประเทศ ตั้งเป้า 7,000 ล้านบาท รวมยอดขาย 10,000 ล้านบาท จากที่ปีที่ผ่านมามียอดขาย 8,000 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่บริหารการขาย ในมือ จำนวน 10 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาทและมีโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาอีก 10โครงการ มูลค่า 20,000ล้านบาท โดยโครงการที่รับบริหารการขาย 70% เป็นโครงการคอนโดมิเนียมในย่านถนนสุขุมวิท หรือโครงการติดแนวรถไฟฟ้า นอกจากนี้บริษัทยังขยายรับบริหารการขายใน กลุ่มเซ็กต์เมนท์ อื่นๆ จากที่รับริหารเฉพาะโครงการระดับบน