|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ทันทีที่ข่าวแพร่สะพัด "ฉลองภพ" นั่งเก้าอี้ขุนคลัง นโยบายต่างขั้วกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ถูกจับตา เพราะรู้กันดีว่านโยบายที่ขุนคลังเก่าออกมาในหลาย ๆ เรื่องนั้น ช่างขัดใจกับแนวคิดขุนคลังใหม่เหลือเกิน ไม่ว่าจะนโยบายกันสำรอง 30% พ.ร.บ.ต่างด้าว รวมถึงแผนงานสร้างรถไฟฟ้า 5 สาย ที่ว่ากันว่าบางนโยบายอาจถึงต้องโละ แต่งานนี้ "ขุนคลังใหม่" บอกเวลามีจำกัด...งานที่ทำต้องสำคัญและเร่งด่วนจริงๆ อะไรที่เป็นปลีกย่อยให้เป็นหน้าที่รัฐบาลชุดใหม่
ยังไม่ทันเริ่มงาน "ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนล่าสุด ก็มีข่าวให้เขียนถึงทันที ด้วยแนวคิดและนโยบายที่แตกต่างไปจาก "ปรีดิยาธร เทวกุล" อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องมาตรการกันสำรอง 30% ที่ "ขุนคลังใหม่" มีความเห็นขัดแย้งจนว่ากันว่าการมาครั้งนี้จะนำมาสู่การล่มสลายของมาตรการกันสำรอง 30%
แม้ "ฉลองภพ" จะออกมาวิจารณ์มาตรการที่ไม่เห็นด้วยในวันที่เข้ากระทรวงการคลังรับตำแหน่งใหม่ แต่ก็ไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะยกเลิกมาตรการดังกล่าวทิ้งไป นั่นอาจเป็นเพราะขุนคลังใหม่เห็นแล้วว่าไม่อยากทำอะไรที่หวือหวาและสร้างความกังวลใจให้นักธุรกิจและนักลงทุนมากกว่านี้
ซึ่งยืนยันได้จากคำพูดที่ ฉลองภพ บอกว่า "สิ่งสำคัญของเศรษฐกิจคือ อย่าทำอะไรที่หวือหวาเกินไป เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงในเรื่องใดต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป"
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็ตาม...แต่ฉลองภพก็สร้างความตกใจต่อสังคมไม่น้อยที่ออกมากล่าวว่า โครงการเมกะโปรเจกต์รถไฟฟ้า 5 สาย จะไม่ทำทั้งหมด แต่จะทำเพียง 2 สาย เท่านั้น...เช้าวันรุ่งขึ้นกลายเป็นข่าวใหญ่...เพราะไม่แน่ใจว่านักข่าวตีความคำพูด "ฉลองภพ " ผิด...หรือเพราะขุนคลังคนใหม่พูดที่ไม่กระจ่างเอง
"ฉลองภพ" ต้องรีบออกมาแก้ข่าว โดยกล่าวว่า "ไม่ได้ทำแค่ 2 สาย แต่จะทำทั้งหมด 5 สาย เพียงแต่เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้มีเวลาน้อยจึงไม่อยากก่อหนี้ภาระผูกพันมาก ดังนั้นในปีนี้จึงทำ 2 สายก่อน ส่วนอีก 3 สาย ให้รัฐบาลชุดถัดไปเข้ามาดำเนินการ ซึ่งนับว่าดีอีกด้วยที่ทำให้มีระยะเวลาในการศึกษาโครงการอย่างละเอียดเพิ่มเติม"
นั่นคือคำยืนยันว่ารถไฟฟ้ายังไงก็ทำ 5 สายจริงๆ...แต่จาก 2 เรื่องที่เป็นข่าวออกมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าการมาของ "ฉลองภพ " ไม่ได้มาเพื่อสานต่อนโยบายของขุนคลังคนเก่า แต่มาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในตามแบบฉบับของตน
แต่แม้ว่าขุนคลังใหม่จะมีแนวคิดที่ต่างจากขุนคลังเก่าก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก...เพราะในสัจธรรมของการเปลี่ยนแปลง...คนใหม่ย่อมมาพร้อมกับนโยบายใหม่
และนโยบายที่ต่างจึงไม่ได้กระทบมากนักต่อความรู้สึกของภาคเอกชน ตรงข้ามกลับกลายเป็นเสียงขานรับเมื่อรู้ว่า "ฉลองภพ" เข้ามานั่งตำแหน่งขุนคลัง นั่นเพราะ "ฉลองภพ" ถือเป็นมือดีที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ และผลงานทางวิชาการด้านเศรษฐกิจอันเป็นที่ยอมรับ
อย่างไรเสียเรื่องนี้อาจเป็นจุดอ่อนของ "ฉลองภพ" เพราะภาพลักษณ์นักวิชาการที่ติดตัวนั้น เปรียบเสมือนผู้เชี่ยวชาญทางทฤษฎีมากกว่าปฏิบัติ
เรื่องดังกล่าวมีความสำคัญมากต่อการเข้ามาดำรงตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลชุดนี้ ด้วยที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องเล่นบทนักการเมืองให้เป็นด้วยในบางครั้ง เพราะปัญหาของการทำงานวันนี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยด้านการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
และสำหรับ "ฉลองภพ" ที่ต้องล้างภาพลักษณ์นักวิชาการ ไปสู่นักปฏิบัติเพื่อเรียกความเชื่อถือ อาจทำให้ต้องใช้เวลา 1-2 เดือน ในการปรับตัวให้คุ้นเคยกับงานใหม่ ในห่วงเวลาการบริหารงานราชการเพียง 7 เดือน ที่เต็มไปด้วยเรื่องใหญ่ เรื่องหนัก สารพัดปัญหาที่ค้างมาจากรัฐบาลชุดเก่า รวมถึงงานจากอดีตขุนคลัง
ด้วยเหตุนี้ การเข้ามานั่งเก้าอี้ขุนคลัง...สำหรับ "ฉลองภพ" แล้วค่อนข้างหนักหนาสาหัสสากัญ แต่ทั้งนี้ก็เพื่อพิสูจน์ฝีมือ ความเก๋าที่มีอยู่ในตัวด้วยระยะเวลาที่จำกัด และนโยบายที่ต่างจากขุนคลังคนเก่าสุดขั้ว...งานนี้ "ฉลองภพ" จะนำพาเศรษฐกิจไทยไปทิศทางใด...ต้องติดตาม
|
|
|
|
|