จากนายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ ยุค 14 ตุลา มาเป็นเลขาธิการ ก.ล.ต. ที่มีอายุน้อยที่สุด
ภารกิจเบื้องหน้าของประสาร ไตรรัตน์วรกุล คือ การจัดระบบระเบียบ ที่เข้มงวดให้กับตลาดทุนไทย
ด้วยวัยเพียง 47 ปี กับการรับตำแหน่งเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในตลาดทุนของไทย
จัดได้ว่าเป็นงาน ที่ท้าทายความสามารถของประสาร ไตรรัตน์วรกุลเป็นอย่างยิ่ง
ประสารจบวิศวะไฟฟ้า เกียรตินิยมอันดับ 1 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี
2517 หลังจากนั้น ได้รับพระราชทานทุนจากมูลนิธิอานันทมหิดล ไปเรียนด้านการบริหารธุรกิจ
ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถาบันเดียวกับเอกกมล คีรีวัฒน์
เลขาธิการ ก.ล.ต.คนแรก จนได้ปริญญาเอกออกมาในปี 2524
ประสารนับว่าเป็นคนที่มีความใกล้ชิดกับเอกกมลค่อนข้างมาก เพราะตั้งแต่กลับมาทำงานใช้ทุน
ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ประสารได้อยู่ในสายงานกำกับ และตรวจสอบ ซึ่งเป็นสายงานเดียวกับเอกกมลมาเกือบตลอด
การที่เอกกมลดึงประสารออกจากแบงก์ชาติ มารับตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.ล.ต.เมื่อปี
2535 ทำให้หลายคนมองว่าเป็นการสร้างทายาทต่อเนื่องไว้ในหน่วยงาน ที่ตนเองเป็นผู้บุกเบิก
ชื่อของประสารเคยได้รับการเสนอขึ้นเป็นแคนดิเดทเลขาธิการ ก.ล.ต.มาครั้งหนึ่งแล้ว
เมื่อครั้ง ที่เอกกมลถูกพิษการเมืองเล่นงานให้ออกจากตำแหน่งในปี 2538
แต่คราวนั้น หลายคนมองว่าด้วยวัยเพียง 40 ต้นๆ อาจทำให้ประสารมีความอาวุโสน้อยเกินไป
น่าจะให้เวลาในการสะสมบารมีต่อไปก่อนอีกสักระยะหนึ่ง จึงมีการดึงปกรณ์ มาลากุล
ณ อยุธยา มารับตำแหน่งแทนจนครบวาระไปเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา
"ประสารเป็นคนที่เชื่อมั่นตัวเองสูง ยึดหลักเกณฑ์การปฏิบัติ
ที่เข้มงวด" คนในวงการธุรกิจหลักทรัพย์มองถึงบุคลิกของประสาร
ซึ่งส่งผลถึงการทำงานร่วมกันต่อไปในอนาคต ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
ก.ล.ต.ในวันนี้ ได้ผ่านพ้นช่วงบุกเบิกมาแล้ว 7 ปี มีเลขาธิการต่อเนื่องมาแล้ว
3 คน
ยุคเริ่มต้นก่อตั้ง มีความจำเป็นต้องใช้คนที่มีสายสัมพันธ์สูงมาเป็นผู้นำ
เพราะจะต้องประสานงานกับทุกระดับได้อย่างราบรื่น ตั้งแต่ระดับกระทรวงการคลัง
ลงมาจนถึงโบรกเกอร์ ซึ่งเป็นบุคลิก ที่เหมาะสมสำหรับเอกกมล คีรีวัฒน์
ยุคที่ 2 ที่ธุรกิจหลักทรัพย์เริ่มขยายตัวออกไปในวงกว้างขึ้น การทำงานต้องอาศัยการประนีประนอมสูง
เพื่อไม่ให้การลงทุนในธุรกิจหยุดชะงัก ซึ่งเป็นภาระ ที่เหมาะกับปกรณ์ มาลากุล
ณ อยุธยา
แต่เมื่อการขยายตัวในธุรกิจหลักทรัพย์ดำเนินมาได้แล้วในระดับหนึ่ง ก็ถึงยุคที่จะต้องมีการเข้มงวดกับกฎระเบียบต่างๆ
เพื่อพัฒนาตลาดทุนให้มีความสมบูรณ์ขึ้น ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญของประสาร
ที่ได้สั่งสมประสบการณ์ และบารมีมาพอสมควรแล้วในหน่วยงานแห่งนี้