|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ราชธานี กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลปิยะเวท เครือโรงพยาบาลธนบุรี และธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานบริษัทฯ นับจากนี้จะใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในระยะ 5 ปี โดยแบ่งเป็น การพัฒนาโครงการที่ภูเก็ต 2 โครงการขนาดใหญ่ และสมุย ในรูปแบบคอนโดมิเนียม รีสอร์ต และบ้านเดี่ยว โดยที่ภูเก็ตมีเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ ซึ่งโครงการบริษัทฯ จะเน้นการขายให้กับชาวต่างชาติ เนื่องจากเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง และตั้งเป้าจะมีกำไรจากการลงทุนดังกล่าวที่ประมาณ 20% ต่อปี
สำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทได้มีการลงทุน โครงการอาหรับทาวน์ พระราม 9 ขนาดพื้นที่ 300,000 ตร.ม. มูลค่าการลงทุน 10,000 ล้านบาท เปิดขายได้เกือบ 100% ขณะนี้อยู่ในช่วงที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จไม่นาน ได้แก่โครงการเดอะพีค สมุย ที่จังหวัดสุราษฎ์ธานี
นายแพทย์บุญ ยังกล่าวว่า ที่โครงการเดอะพีค สมุย ได้มีการเพิกถอนใบอนุญาตจำนวน 6 แปลง หรือคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 100ไร่ บริษัทฯก็ได้ย้ายการก่อสร้างในเฟสดังกล่าวลงมาด้านล่างของพื้นที่ ซึ่งมีอีกประมาณ 400-500 ไร่ก่อน ส่งผลให้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
สำหรับการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ในปีนี้บริษัทยังเตรียมงบฯ ลงทุนอีกประมาณ 800-900 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อหุ้นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เริ่มจากการเข้าซื้อกิจการและเพิ่มทุนบริษัทผู้ผลิตสีดัชบอย ด้วยงบฯลงทุน 300 ล้านบาท บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 75% และเตรียมเข้าซื้อหุ้นแบ็คดอร์ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขนาดกลางอีก 2-3 ราย
ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้น บริษัทได้เล็งเห็นว่าในภาวะตลาดในปัจจุบัน จากแผนเดิมที่จะนำธุรกิจเวชธานี กรุ๊ปเข้าตลาดซึ่งจะมีขั้นตอนที่ช้ากว่า แต่แนวทางนี้บริษัทฯ สามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องรอสภาพตลาดฯ และยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านภาษีด้วย
สำหรับการทำธุรกิจโรงพยาบาล แผนการทำตลาดนับจากนี้จะมุ่งขยายเครือข่ายโดยการร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในต่างประเทศ สร้างโรงพยาบาลในแถบยุโรป เยอรมันและอังกฤษ ด้วยการเข้าไปถือหุ้น สำหรับรูปแบบที่เข้าไปจะเป็นการเข้าไปบริการและเครื่องมือเข้าเสริมกับโรงพยาบาล แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน จากเดิมเจาะกลุ่มยุโรป อเมริกา หลายแห่งด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 15%
ด้านตลาดในเอเชียมองว่ามีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดยเฉพาะญี่ปุ่น เกาหลี ที่หากเทียบค่ารักษาพยาบาลในไทยคิดเป็น 1 ใน 3 ของต่างประเทศ ดังนั้นบริษัทฯ จึงมองว่าการขยายตลาดเพิ่ม เป็นการเพิ่มยอดรายได้และขยายตลาดได้มากขึ้น จากปัจจุบันบริษัทเป็นซัปพลายบุคลากรให้แก่ประเทศจีน เช่นการฝึกอบรม ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นผู้นำด้านการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ชั้นนำและมีความพร้อมพอกับการขยายตลาด
แผนการทำตลาดในประเทศ ในส่วนของโรงพยาบาลธนบุรี บริษัทฯ เตรียมจัดวางแผนใช้ระยะเวลาภายใน 3 ปี จะใช้งบประมาณในการลงทุนอีก 500 ล้านบาท เพื่อจัดสร้างอาคารใหม่ และเพิ่มขยายเตียงของผู้ป่วยหนักอีกเป็นจำนวน 200 เตียง ในส่วนการรักษาผู้ป่วยนอก เพื่อเพิ่มและขยายการรักษาให้ครอบคลุมปริมาณมากขึ้น จากปัจจุบันที่เปิดรักษาผู้ป่วยรวม 400 เตียง
ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ลงทุนเป็นจำนวนเม็ดเงินโดยประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องมือ เพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ รองรับกับการเปิดให้บริการรักษาผู้ป่วยหนัก อาทิ ระบบทางเดินหัวใจ ระบบทางเดินสมอง โดยตั้งเป้าหมายใน 10 ปีจากนี้โรงพยาบาลธนบุรีจะเป็นศูนย์ดูแลผู้ป่วยหนัก
สำหรับธุรกิจโรงพยาบาลนั้น ในส่วนโรงพยาบาลปิยะเวท เตรียมเปิดให้บริการศูนย์การรักษาเพิ่มขึ้นคือ โรคทางเดินสมอง และไต และการเน้นตลาดเสริมความงามมากขึ้นด้วย มุ่งเป้าผู้ป่วยจากต่างประเทศเป็นหลัก และใน 2-3 เดือนนี้จะสามารถเปิดศูนย์แพทย์ทางเลือกที่ลงทุนไปกว่า 800 ล้านบาท และต่อจากนั้นบริษัทฯ ยังได้เตรียมแผนการทำตลาดด้วยการเอาท์ซอส คือ ลงทุนด้านเครื่องมือให้กับรัฐบาลอื่นๆอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เคยทำให้โรงบาลเลิดสิน เป็นระยะเวลากว่า 2 ปี แล้ว ซึ่งการทำตลาดให้กับรัฐถึงแม้ว่าผลกำไรจะไม่มากเพียงแค่ 10 % แต่เมื่อมองถึงผลในระยะยาว จะเป็นการต่อยอดรายได้ให้กับบริษัทฯได้เป็นอย่างดี นายบุญกล่าว
ที่ผ่านมา โรงพยาบาลได้เปิดให้บริการด้านสุขภาพ และสถาบันต่างๆ ที่มีการวิจัย และการรักษาที่เชี่ยวชาญอย่างครบวงจรซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการรักษา โดยทีมแพทย์ที่มีผู้ชำนาญการเฉพาะทาง ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับความต้องการบริการด้านสุขภาพของลูกค้า ทั้งไทยและต่างชาติที่มีสัดส่วน 40 - 60% ตามลำดับ ซึ่งการรักษาโดยส่วนใหญ่นั้น ประกอบด้วย สถาบันหัวใจเพอร์เฟคฮาร์ท และสถาบันกระดูกและข้อ
สำหรับมูลค่าตลาดการใช้จ่ายจากต่างชาติต่อปีที่ประมาณ 60,000 ล้านบาท เฉพาะโรงพยาบาลคิดเป็น 40%หรือราว 24,000 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องปีละ 20% ปิยะเวทมีส่วนแบ่งประมาณ 10% ขณะที่ผู้นำตลาดคือบำรุงราษฎร์ประมาณ 60%
|
|
|
|
|