Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2536








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2536
"จีรศักดิ์ เจตจรัสสกุล มือปราบบัตรเครดิต"             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารซิตี้แบงก์

   
search resources

ธนาคารซิตี้แบงก์
จิรศักดิ์ เจตจรัสกุล
Credit Card




"ผมไม่ใช่คนเก่ง เพียงแต่มีประสบการณ์มากกว่าคนอื่นเท่านั้น" จิรศักดิ์ เจตจรัสกุล ผู้จัดการฝ่ายตรวจสอบบัตรเครดิต ธนาคารซิตี้แบงก์และบริษัทไดเนอร์คลับ กล่าวกับ "ผู้จัดการ" พร้อมทั้งอธิบายเพิ่มเติมว่า งานด้านป้องกันการทุจริตบัตรเครดิตที่เขารับผิดชอบอยู่นั้นเป็นงานที่ไม่มีใครอยากทำ เพราะต้องใช้เวลานาน อีกทั้งไม่ได้ให้ประโยชน์แก่ผู้ทำเลย

จิรศักดิ์ เจตจรัสกุล อายุ 39 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านวิทยาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และคณะรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง สำหรับการศึกษาระดับประถมและมัธยมนั้นเขาเรียนที่โรงเรียนภารตะ ซึ่งเป็นโรงเรียนสำหรับลูกหลานของชาวอินเดีย แถว ๆ เสาชิงช้า

"แม่ผมเห็นว่ามันใกล้บ้านจึงให้เรียนที่ภารตะตั้งแต่เล็กจน ม.ศ. 5 เลย แต่พวกแขกนั้นพูดภาษาไทยไม่ได้ต้องใช้ภาษาอังกฤษพูดกัน ซึ่งทำให้ผมได้ภาษาโดยไม่รู้ตัว" จิรศักดิ์เล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟัง

ในปี 2517 จิรศักดิ์ เริ่มทำงานครั้งแรกที่ ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ ถนนสีลมในฝ่ายแลกเปลี่ยนเงินตราหลังจากนั้นประมาณ 2 ปี เขาจึงย้ายไปอยู่ที่ส่วนบัตรเครดิต ซึ่งเป็นส่วนงานเล็ก ๆ ที่ตั้งขึ้นใหม่มีพนักงานเพียง 4-5 คน ขณะนั้นมีบัตรเครดิตต่างประเทศที่เข้ามาในไทยมีเพียงบัตรไดเนอร์สเพียงบัตรเดียวเท่านั้นส่วนบัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทยนั้น เกิดขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นบัตรเครดิตในประเทศยี่ห้อแรกของไทย

เขาไต่เต้าจากพนักงานธรรมดา จนกระทั่งเป็นหัวหน้าส่วน ซึ่งต้องรับผิดชอบทั้งหมด ตั้งแต่การออกบัตร จนกระทั่งการหักบัญชีร้านค้าต่อมาในปี 2522 แบงก์กสิกรไทยได้รับเลือกเป็นตัวแทนหลักของวีซ่าอินเตอร์เนชั่นแนลและบริษัทมาสเตอร์การ์ด ในการออกวีซ่าการ์ด และมาสเตอร์การ์ดในประเทศไทย จึงได้มีการตั้งส่วนบัตรเครดิตต่างประเทศแยกตัวออกมาต่างหากจากส่วนบัตรเครดิตในประเทศ เพื่อบริหารงานด้านวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดโดยเฉพาะ จิรศักดิ์จึงได้โอนย้ายมาเป็นหัวหน้าส่วนงานใหม่นี้

หลังจากนั้นก็ได้มีการรวมส่วนบัตรเครดิตในประเทศและต่างประเทศเข้าด้วยกันโดยยกฐานะขึ้นเป็นฝ่ายบริการธนาคาร จิรศักดิ์อยู่ในฐานะหัวหน้าส่วนการตลาด ซึ่งต่อมาทางกสิกรไทยได้ปรับโครงสร้างงานในส่วนนี้ใหม่อีกครั้ง โดยแยกแผนกที่ดูแลงานด้านบริการร้านค้าซึ่งมีขอบเขตงานใหญ่มาก ขึ้นเป็นส่วนบริการร้านค้า และโยกจิรศักดิ์มาเป็นหัวหน้าส่วนนี้

ภาระหน้าที่ของส่วนงานนี้ก็คือการประสานงาน ให้บริการกับร้านค้าที่เป็นสถานที่รับบัตรเครดิตทุกชนิดที่ออกโดยธนาคาร และที่สำคัญที่สุดคือ การตรวจสอบการทุจริตการใช้บัตรเครดิตทั้งจากร้านค้าและจากผู้ใช้บัตร

"ผมไม่เคยยึดบัตรคนไหนพลาดสักราย….ผมดูรายเซ็นปุบ ผมรู้เลยว่าเป็นบัตรปลอม" คำพูดของจิระศักดิ์แสดงถึงความมั่นใจในประสบการณ์ตัวเอง

15 ปีที่เขาคลุกอยู่กับธุรกิจบัตรเครดิต นับตั้งแต่ธุรกิจนี้เริ่มตั้งไข่ จนขยายตัวออกไปอย่างแพร่หลาย กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทย เป็นหลักประกันของความ "เก๋า" ได้เป็นอย่างดี

ปี 2533 เขาย้ายไปทำงานกับซิตี้แบงก์ เป็นการเปลี่ยนงานครั้งแรกในชีวิต เป็นการเปลี่ยนงานครั้งแรกในชีวิต แต่ก็ยังคงเกี่ยวข้องกับเรื่องบัตรเครดิตอยู่

"ทำงานที่กสิกรไทย วันหนึ่งหลับตา ผมรู้แล้วว่าต้องทำอะไร แต่พอผมรู้จักใครมากขึ้น มีการแชร์ข้อมูลกันก็รู้สึกว่าโลกนี้มันกว้าง มีอะไรที่ท้าทายอีกมาก" จิรศักดิ์อ้างถึงเหตุผลที่ออกมาอยู่ที่ซิตี้แบงก์ อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่าผลตอบแทนในรูปของเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นก็มีส่วนไม่น้อยในการตัดสินใจดังกล่าว

มูลค่าความเสียหายจากการทุจริตบัตรเครดิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เฉพาะบัตรวีซ่าและมาสเตอร์ ในช่วงปี 2534-2535 มีจำนวนไม่ต่ำกว่าปีละ 350 ล้านบาท เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แบงก์พาณิชย์หันมาให้ความสนใจหาทางป้องกันมากขึ้นบุคคลที่มีความชำนาญในเรื่องดังกล่าวจริง ๆ ยังมีน้อยมากเรื่องของการซื้อตัวคนที่มีประสบการณ์ล้นเหลือจึงต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา

การทุจริตในเรื่องบัตรเครดิตในยุคแรก ๆ นั้น เป็นการเกิดขึ้นจากทางฝ่ายร้านค้าโดยเจ้าของร้านที่คิดไม่ซื่อจะจำเบอร์บัตร ชื่อ วันหมดอายุ และลายเซ็นต์ของผู้ถือบัตรที่มาซื้อของหรือใช้บริการ แล้วนำข้อมูลเหล่านี้ไปปั๊มเป็นตัวนูนบนแผ่นพลาสติค ที่มีขนาดเท่าบัตรเครดิต หลังจากนั้นก็จะนำไปรูดกับสลิบ เซ็นชื่อแล้วส่งไปเก็บเงินกับธนาคารทางธนาคารจะรู้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเรียกเก็บเงินไปยังผู้ถือบัตร แล้วมีการปฏิเสธว่าไม่มีการใช้จ่ายตามรายการที่เรียกเก็บ ซึ่งจะนำไปสู่การตรวจสอบและสาวไปถึงร้านค้าต้นตอในที่สุด

ส่วนใหญ่แล้ว การทุจริตในลักษณะนี้มักจะลงเอยด้วยการที่เจ้าของร้านยอมจ่ายเงินคืนให้ หรือไม่ก็ปิดร้านหลบหนีไปเลย

แต่การโกงบัตรเครดิตในปัจจุบัน จะเกิดจากผู้ถือบัตรปลอมที่ทำขึ้นมาเอง หรือบัตรที่ขโมยมา ความยากนั้นอยู่ที่การสาวให้ถึงต้นตอซึ่งไม่มีตัวตนหรือหลักฐานชั้นต้นที่ชัดเจนว่าเป็นใคร ไม่เหมือนร้านค้าที่ต้องมีที่อยู่ แสดงหลักฐานการค้าต่อธนาคารก่อนที่จะได้รับอนุมัติให้เป็นสถานที่รับบัตรเมื่อมีการทุจริตเกิดขึ้นก็สามารถระบุต้นตอที่ชัดเจนได้เลย

"สมัยก่อนมันลูกทุ่ง ๆ นะพอเราจับได้ว่าร้านไหนโกงเราก็แจ้งตำรวจให้ดำเนินคดีซึ่งทางร้านก็คืนเงินให้ แต่ปัจจุบันมันซับซ้อนมากขึ้นบางครั้งเราอาจไม่มีโอกาสคุยกับคนที่ทุจริตโดยตรงด้วยซ้ำไป….เราไม่มีทางตามทันเพราะ มันจะมีช่องโหว่ที่พวกนี้คอยใช้เป็นช่องทางได้เรื่อย ๆ" จิรศักดิ์กล่าว

นอกจากตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายตรวจสอบบัตรเครดิตธนาคารซิตี้แบงก์ และบริษัทไดเนอร์คลับในปัจจุบันแล้วจิรศักดิ์ยังได้รับเลือกเป็นหัวหน้าคณะทำงานโครงการป้องกันปราบปรามการทุจริต ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่ชมรมธุรกิจบัตรเครดิตจัดทำขึ้น

สิ่งที่เขาภูมิใจมากที่สุดขณะนี้ หาใช่เป็นการจับการทุจริตในบัตรเครดิตไม่ "มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผมเจอมานักต่อนักแล้ว การมีคนให้ความสนใจเข้ารับการอบรมเกินกว่าที่คาดไว้ในแต่ละครั้งเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจ ไม่น้อยไปกว่าความสามารถลดความสูญเสียได้ต่ำกว่าที่แบงก์ไว้ประมาณไว้ในช่วงเวลา 3 ปีที่อยู่ที่นี่" จิรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายกับ "ผู้จัดการ"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us