|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
แอลจีผงาดตลาดมือถือจีเอสเอ็มตั้งเป้าขึ้นทอปทรีตลาดโลกภายในปี 2553 พร้อมส่ง ไชน์ บุกตลาดเอเชีย ตะวันออกกลางและแอฟริกา เชื่อมั่นตลาดอนาคตไกล ตั้งยอดขายรวม 13.5 ล้านเครื่อง สานต่อความสำเร็จ "ช็อกโกแลต" ที่สร้างยอด 7.5 ล้านภายในปีเดียว เผย "ดีไซน์" และ "อาร์แอนด์ดี" ปัจจัยหนุนความสำเร็จ
หากเอ่ยถึงแบรนด์ผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่สัญชาติเกาหลีใต้อีกแบรนด์ที่ไม่ใช่ซัมซุงแล้ว "แอลจี" ถือเป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่กำลังก้าวขึ้นมาติดอันดับท็อปแบรนด์ในตลาดเมืองไทย ที่มาแรงด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่น "ช็อกโกแลต"
ถึงแม้จะเพิ่งเปิดตัวเมื่อประมาณกลางปีที่ผ่านมา ช็อกโกแลตกลับมียอดขายที่ดีเกินคาดหมาย ทั้งๆ ที่แอลจีเพิ่งจะหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดในเมืองไทยอย่างจริงจัง แม้จะยังไม่มีตัวเลขยอดขายช็อกโกแลตในประเทศไทยปีที่ผ่านมาออกมาว่าเป็นเท่าไรก็ตาม
โบ ชอย รองประธาน และหัวหน้าทีมผู้ดูแลรับผิดชอบด้านงานขายและการตลาดในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ จำกัด เล่าให้ฟังถึงความสำเร็จในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบจีเอสเอ็มให้ฟังว่า เวลานี้แอลจีสามารถขายโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นช็อกโกแลตไปมากกว่า 7.5 ล้านเครื่องทั่วโลกในปี 2549 ที่ผ่านมา โดยประเมินว่า ช็อกโกแลตน่าจะยังขายได้ถึง 10 ล้านเครื่องในครึ่งปีแรกของปีนี้ โดยคาดว่ายอดขายช็อกโกแลตในตลาดเอเชีย ตะวันออกกลางและแอฟริกาน่าจะมีถึง 1 ล้านเครื่อง
จากข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ความสำเร็จของช็อกโกแลตได้แจ้งเกิดแบรนด์ "แอลจี" ในตลาดเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบจีเอสเอ็มได้อย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่เพิ่งหันมาให้ความสำคัญกับตลาดนี้เพียง 5 ปีเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาแอลจีถือเป็นเบอร์ 1 ในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบซีดีเอ็มเอของโลกมานาน
ปัจจุบัน แอลจีมียอดขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบจีเอสเอ็มทั่วโลกอยู่ที่ 25 ล้านเครื่อง อยู่ในอันดับ 5 ของตลาดโลก ขณะที่โทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบซีดีเอ็มเอ แอลจีขายไปได้ 39 ล้านเครื่อง อันดับ 1 ในตลาดโลก
เมื่อถามถึงตลาดในภูมิภาคใดจะเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสเติบโตสูงในมุมมองของแอลจี โบ ชอย เล่าให้ฟังว่า เอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกานับเป็นตลาดที่สำคัญในกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทที่ต้องการก้าวขึ้นเป็นทอปทรีของบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระดับโลกภายในปี 2553 ซึ่งเป็นตลาดที่เราคาดหวังจะมีอัตราการเติบโตในระดับดับเบิลดิจิทุกๆ ปี ทำให้ทางแอลจีได้ทุ่มเททรัพยากรต่างๆ สำหรับตลาดนี้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด ตลอดจนยังเป็นการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในภูมิภาคนี้เพิ่มเป็นเท่าตัวให้ได้ภายในปี 2553
ในปีที่ผ่านมา แอลจี โมบาย คอมมิวนิเคชั่น มียอดขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบจีเอสเอ็มในตลาดเอเชียมากกว่า 4.7 ล้านเครื่อง แต่จากกลยุทธ์ในปี 2550 นี้ แอลจีตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายให้ได้ถึง 9.5 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 104% จากปี 2549 ขณะที่ตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกาในปีที่ผ่านมา แอลจีมียอดขายอยู่ที่ 1.7 ล้านเครื่อง ตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไว้ที่ 4 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 136%
ทางแอลจีมีแผนที่จะขยายส่วนแบ่งตลาดในเอเชีย ตะวันออกกลางและแอฟริกาจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน 4% เพิ่มเป็น 9.4% ในปี 2553
จากเป้าหมายดังกล่าว ปัจจัยที่ทำให้แอลจีมีความมั่นใจเช่นนั้น นอกเหนือจากเรื่องช่องทางจัดจำหน่ายที่แอลจีให้ความสำคัญมาโดยตลอดแล้ว การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดถือเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่แอลจีนำมาใช้บุกตลาดต่อหลังจากที่ ช็อกโกแลตสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์แอลจีก้าวขึ้นมาเป็นพรีเมียมแบรนด์
"ไชน์" เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นล่าสุดที่แอลจีเตรียมนำมาเปิดตัวในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เพื่อสร้างความฮือฮาให้กับตลาด ภายหลังจากที่เปิดตัวในประเทศเกาหลีไปแล้วประมาณปลายปีที่ผ่านมา
โดยไชน์ ถือเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่เจเนอเรชั่นที่ 2 ในกลุ่มแบล็กซีรีส์ต่อจากช็อกโกแลต โดยทางแอลจีคาดว่าจะทำตลาดได้มากกว่าช็อกโกแลต โดยมีจุดเด่นในงานดีไซน์ตัวเครื่องทำจากวัสดุอย่างสเตนเลสสตีล
"ไชน์จะเป็นมือถือที่มีจุดเด่นในทุกๆ ด้านที่เหนือกว่าช็อกโกแลตโฟน ทำให้แอลจีมีการคาดการณ์ว่ามือถือรุ่นใหม่นี้จะได้รับความนิยมมากกว่าช็อกโกแลตโฟนที่ได้ทำตลาด"
นอกจากไชน์แล้ว แอลจีเตรียมที่จะส่งโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่น "ปราดา" เข้าสู่ตลาดด้วยเช่นกัน โดยจะเริ่มจาก 3 ประเทศในเอเชียก่อน ประกอบไปด้วยประเทศมาเลเซีย ฮ่องกง และสิงคโปร์ ส่วนในการทำตลาดในประเทศไทยนั้น หยง มัน โซ ผู้จัดการกลุ่มโมบาย บิสซิเนส ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และโอเชียเนีย บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ จำกัด บอกว่า คงจะไม่นำปราดาเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยในเวลานี้ ซึ่งติดปัญหาบางประการในทางการพิมพ์ตัวอักษรภาษาไทยบนแป้นคีย์ แต่จะมีการเปิดตัวไชน์ในไทยก่อน โดยคาดว่าจะทำการเปิดตัวประมาณเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ และจะมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ในรุ่นอื่นๆ เข้าตลาดอีกหลายสิบรุ่นในปีนี้
"แอลจีตั้งเป้าหมายสำหรับส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยไว้ที่ 5% จากปีที่แล้วมีส่วนแบ่งตลาดน้อยมาก"
ปราดา เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ตัวแรกของแอลจีที่เป็นระบบจอสัมผัสเต็มรูปแบบมาใช้ โดยร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นสุดหรูจากอิตาลี "ปราดา" ใช้เวลาในการพัฒนานานถึง 2 ปี จุดเด่นของโทรศัพท์รุ่นนี้อยู่ตรงที่เป็นการรฉีกรูปแบบการใช้งานโทรศัพท์ในปัจจุบัน จากคีย์บอร์ดตัวเลขเป็นหน้าจอทัชสกรีน ซึ่งช่วยให้ตัวเครื่องมีความบางเพิ่มขึ้นด้วย โดยมีหน้าจอขนาด 3 นิ้ว แสดงผลได้ด้วยความละเอียด 200x400 พิกเซล รองรับการทำงานได้กับเครือข่ายจีเอสเอ็ม และมีกล้องดิจิตอลขนาด 2 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ Schneider-Kreuznach สามารถเล่นเพลงเอ็มพี3 ดูวิดีโอภาพเคลื่อนไหว ใช้ฟังเพลงดิจิตอล และความสามารถในการดูเอกสาร และที่สำคัญที่สุดคือ คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้โทรศัพท์ดูโฉบเฉี่ยวแต่เรียบง่าย
เมื่อดูถึงความสำเร็จจีเอสเอ็มของแอลจีในเวลานี้ นับตั้งแต่รุ่นช็อกโกแลต ไล่มาถึงไชน์และปราดาจะพบว่า ความสำเร็จดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากความใส่ใจในการทุ่มเทในเรื่องการดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
เกง ฮุย ชา ผู้จัดการอาวุโส เอ็มซี ดีไซน์ รีเสิร์ช แล็บ คอร์ปอเรต ดีไซน์ เซ็นเตอร์ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ จำกัด ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวดีไซน์ เซ็นเตอร์ และศูนย์วิจัยและพัฒนา ถือเป็นหน่วยงานที่ทำให้แอลจีพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการตลาดให้ฟังว่า คอร์ปอเรต ดีไซน์เซ็นเตอร์จัดตั้งขึ้นมาเมื่อประมาณปี 1991 เพื่อใช้เป็นสถานที่ดีไซน์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจอภาพดิจิตอล เครื่องเล่นดีวีดี ระบบเครื่องเสียง โฮมเธียเตอร์ พีซี และโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก โดยมีสาขาของศูนย์ดีไซน์อยู่ในต่างประเทศ 5 แห่ง 8 บริษัทดีไซน์ โดยมีศูนย์ใหญ่อยู่ที่กรุงโซล
ผลิตภัณฑ์ของแอลจี ต่างได้รับการศึกษาและพัฒนาจากศูนย์ฯ นี้ทั้งหมด โดยแอลจีให้ความใส่ใจในทุกรายละเอียด นับตั้งแต่แนวคิดการออกแบบ ไปจนถึงการค้นหาวัสดุที่ใช้
"ผลงานที่สำคัญของศูนย์ฯ ได้แก่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ช็อกโกแลตที่ได้รับรางวัลเรดดอต 2006 รวมถึงการได้รับรางวัลทีมดีไซน์ยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา ล้วนแสดงให้เห็นว่า แอลจีให้ความสำคัญกับเรื่องการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงการออกแบบด้วย โดยที่ปรัชญาของศูนย์ฯ นั้นจะเน้นไปที่การดีไซน์เพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคเป็นสำคัญ"
|
|
 |
|
|