“พลัส พร็อพเพอร์ตี้”เดินหน้าเต็มสูบ ปั้นแบรนด์ใหม่ “My condo-town+” ดักกำลังซื้อคอนโด-ทาวน์เฮาส์ทุกกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง พร้อมเปิดแผนลงทุนปีนี้ลุยต่อโครงการ 10 แห่ง ปูพรมครึ่งปีแรก 6 แห่ง มูลค่า 3,000 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้เติบโต 60%
แม้ว่าชื่อของ “พลัส พร็อพเพอร์ตี้” และคอนโด วัน จะโด่งดังจนติดลมบนในวงการอสังหาริมทรัพย์แล้ว แต่ดูเหมือนว่า เมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จะไม่ยอมหยุดนิ่งอยู่เพียงแค่นี้และยังต้องการที่จะสร้าง Sub brand ของพลัสฯ ให้เป็นที่รู้จักเช่นเดียวกับการสร้างพลัสฯ คอนโด วัน และคอนโด วัน เอ็กซ์ ให้เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคตลอดไป เพราะรู้ว่าแบรนด์มีความสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อบ้านของผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อย ๆ
ด้วยความสำเร็จเกินคาดจากการปลุกปั้น พลัสฯ คอนโด วัน และคอนโด วัน เอ็กซ์ เพราะใช้เวลาเพียงปีเศษเท่านั้น แบรนด์ทั้ง 3 แบรนด์ของพลัสฯ ก็เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้เมธาต้องเร่งตอกย้ำแบรนด์เก่าและสร้างแบรนด์ใหม่ต่อไป เพื่อให้พลัสฯ เป็นบริษัทแรกๆ หากผู้บริโภคคิดจะเลือกซื้อบ้าน
ต้นปีนี้พลัสฯ ได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ 2 แบรนด์ สำหรับการทำตลาดคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์ เพื่อแยกสินค้าออกจากกัน โดยได้สร้างแบรนด์ My Condo (มาย คอนโด) สำหรับการทำตลาดสินค้าคอนโดมิเนียม และใช้แบรนด์ Towm+(ทาวน์พลัส) สำหรับทำตลาดบ้านเดี่ยว ทั้งนี้ มาย คอนโดจะแตกต่างจากคอนโด วัน ตรงที่ขนาดพื้นที่ใช้สอยน้อยลง และราคาเริ่มต้นต่ำกว่า เฉลี่ยที่ตารางเมตรละ 4 หมื่นบาทขึ้นไป หรือเริ่มต้นที่ยูนิตละ 9 แสนบาทขึ้นไป และตกแต่งพร้อมอยู่ขณะที่คอนโด วัน ราคาเฉลี่ยที่ตารางเมตรละ 4-6 หมื่นบาทขึ้นไป และผู้บริโภคจะต้องตกแต่งเอง
“การเปิดตัวสินค้ายูนิตเล็กลงและตั้งราคาขายต่ำกว่า 1 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายยังต้องการที่อยู่อาศัยกลางเมืองในราคาราวๆ 1 ล้านบาท แต่เนื่องจากต้นทุนค่าที่ดินและค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น ทำให้พลัสฯ ไม่สามารถก่อสร้างคอนโดฯราคานี้ได้ ดังนั้น เพื่อให้สามารถขายสินค้าได้และตรงกับที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ บริษัทฯ จึงต้องปรับลดขนาดพื้นที่เล็กลง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการซื้อ”เมธากล่าว
ส่วนทาวน์พลัสนั้น จะปรับลดราคาเริ่มต้นลงมาเช่นเดียวกัน จากเดิมที่ราคาขายทาวน์เฮาส์ของพลัสฯ จะอยู่ที่ 3 ล้านบาทขึ้นไป แต่ทาวน์พลัสจะเปิดตัวราคาเริ่มต้นที่ 2.45 ล้านบาทขึ้นไป โดยปัจจุบันพลัสฯ มีทาวน์เฮาส์ทำตลาดอยู่ 3 แบรนด์ ซึ่งจะครอบคลุกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ และหลังจากนี้จะเปิดตัวแบรนด์ใหม่อีก 2 แบรนด์ เพื่อทำตลาดทุกระดับราคา ตั้งแต่ 1.5 ,2.5 และ 3.5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งการมีสินค้าครบทุกระดับราคา จะทำให้พลัสฯ มีโอกาสในการขายมากยิ่งขึ้น
สำหรับแผนการลงทุนปีนี้ บริษัทฯ จะเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีแรก 6 โครงการ มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ตั้งอยู่สาทร-ตากสิน, สุขุมวิท 103 และปิ่นเกล้า จำนวนรวม 994 ยูนิต มูลค่า 1,600 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์อีก 3 โครงการ ตั้งอยู่ที่พระราม 9, สุวรรณภูมิและลาดพร้าว 101 จำนวนรวม 466 ยูนิต มูลค่า 1,400 ล้านบาท และมีแผนจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังอีก 4 -5 โครงการ ซึ่งได้จัดซื้อที่ดินแล้ว 2-3 แปลง และอยู่ระหว่างหาซื้อเพิ่มอีก
ด้านผลประกอบการปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,861 ล้านบาท มาจากการพัฒนาโครงการ 2,429 ล้านบาท การบริหารจัดการโครงการ 165 ล้านบาท เป็นตัวแทนซื้อ ขาย เช่า 197 ล้านบาท และอื่นๆ อีก 69 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปี 2548 ประมาณ 19% ส่วนปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตขึ้น 60% คิดเป็น 4,500 ล้านบาท มาจากการพัฒนาโครงการ 3,985 ล้านบาท การบริหารจัดการโครงการ 209 ล้านบาท เป็นตัวแทนซื้อ ขาย เช่า 280 ล้านบาท และอื่นๆ อีก 26 ล้านบาท
|