|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ปทุมดีไซน์เกาะกระแสรีแบรนด์ดิ้ง เร่งสร้างชื่อพีดีเฮาส์ แทนที่ปทุมดีไซน์ หวังสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภค พร้อมขยายตลาดสู่ต่างจังหวัด หลังตลาดในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลชะลอตัว
กระแสการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์องค์กร (Rebranding) กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจบันเทิง สถาบันการเงิน หรือแม้แต่ธุรกิจรับสร้างบ้านเองที่มีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์องค์กรให้ดูน่าเชื่อถือ ซึ่งสะท้อนถึงการตื่นตัวและให้ความสำคัญกับสัญลักษณ์องค์กร (Brand corporate) เช่นเดียวกับบริษัทปทุมดีไซน์ที่รับสร้างบ้านมานานกว่า17 ปี ออกมาประกาศรีแบรนด์เป็นครั้งแรกเพื่อเป็นการสื่อสารถึงผู้บริโภคได้เข้าใจบริษัทมากขึ้น รวมถึงการสร้างการจดจำในแบรนด์ของบริษัทจากเดิมใช้ชื่อปทุมดีไซน์ เปลี่ยนเป็น พีดี เฮาส์ ซึ่งจะเป็นการสื่อถึงบริษัทรับสร้างบ้านได้ชัดเจนมากขึ้น
สิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เพื่อปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์บริษัทฯ และเป็นการสร้างการรับรู้จากผู้บริโภคให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาผู้บริโภคแทบไม่รู้จักบริษัทฯ ในฐานะบริษัทรับสร้างบ้าน แต่ส่วนใหญ่คิดว่าบริษัทฯ ทำธุรกิจด้านการออกแบบ ตกแต่งหรือขายผ้าม่าน จึงเป็นเหตุผลที่บริษัทต้องปรับภาพลักษณ์ใหม่ เพื่อง่ายต่อการเข้าใจ
การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ครั้งนี้ เพื่อให้บริษัทฯ จะก้าวขึ้นเป็นบริษัทรับสร้างบ้านที่ติดอันดับ 1ใน 5 ภายใน 5 ปี ตามแผนการที่วางไว้ โดยกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้แข่งขัน คือเน้นการสื่อสารกับลูกค้าโดยเฉพาะการสร้างความรู้เรื่องการสร้างบ้าน เพื่อให้ลูกค้ามีความเข้าใจในสินค้าและบริการมากพอก่อนตัดสินใจ รวมถึงความสะดวกสบายของลูกค้าที่สามารถใช้บริการในราคาเดียวกันครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 25 จังหวัด
นอกจากบริษัทฯ จะปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่แล้ว บริษัทฯ จะเน้นขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เนื่องจากตลาดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเริ่มชะลอตัว ขณะที่ตลาดต่างจังหวัดเริ่มมีการเติบโต โดยเมื่อปีที่ผ่านมาบริษัทฯมีสัดส่วนลูกค้าในต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่ากันคือ 50 : 50 แต่ปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างจังหวัดเป็น 60 และกทม.และปริมณฑล 40% โดยในช่วงแรกของปีนี้ มีงานลูกค้าต่างจังหวัดมากถึง 13 ราย ขณะที่ลูกค้ากทม.และปริมณฑลมีเพียง 6 รายเท่านั้น รวมมูลค่ากว่า 41 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดต่างจังหวัดเริ่มมีการเติบโต ซึ่งราคาเฉลี่ยส่วนใหญ่ที่สั่งสร้างอยู่ประมาณ 2 ล้านบาทเศษ
สำหรับกลยุทธ์การแข่งขันในปีนี้ บริษัทฯ จะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและสร้างยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยในปีที่ผ่านมามียอดขาย 158 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโตขึ้นราว 26% หรือมียอดขายไว้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท โดยระดับราคาบ้านที่รับก่อสร้างจะมีราคาเฉลี่ย 3-8 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันบริษัทฯมีสาขา 5 แห่ง และมีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก1 แห่ง ซึ่งเดิมมีแนวคิดที่จะเปิดสาขาใหม่ที่ภูเก็ต แต่ติดปัญหาเรื่องการคุมเข้มชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯจึงเบนเข็มไปยังภาคอีสานตอนเหนือ โดยจะเลือกลงทุนที่อุดรธานี หรือขอนแก่น เพราะทั้ง 2 จังหวัดเป็นจังหวัดที่ใหญ่และมีกำลังซื้อค่อนข้างมาก อีกทั้งยังมีแรงงานจำนวนมากอีกด้วย
|
|
 |
|
|