เชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ มีโอกาสนั่งเก้าอี้กรรมการผู้อำนวยการกลุ่มชินวัตรเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น
ก็มีอันต้องหลุดจากตำแหน่งซึ่งควบคุมการบริหารงานทุกบริษัทในเครือ ลดลงไปเหลือเพียงตำแหน่ง
EXECUTIVE CHAIRMAN ของชินวัตร อินเตอร์เนชั่นแนลซึ่งเป็นกิจการด้านต่างประเทศของชินวัตร
แถมยังต้องกระเด็นจากการเป็นกรรมการผู้อำนวยการชินวัตรแซทเทิลไลท์ซึ่งรับผิดชอบโครงการดาวเทียมไทยคมพร้อมๆ
กันด้วย
การปรับโครงสร้างของกลุ่มบริษัทชินวัตรฯ เกิดขึ้นบ่อยมาก โดยเฉพาะเมื่อปีที่แล้วมีถึง
4 ครั้ง เพื่อจัดกลุ่มธุรกิจให้ชัดเจนหลังจากมี 3 บริษัทหลักคือชินวัตร คอมพิวเตอร์
ไอบีซี และแอดว้านซ์อินโฟร์ เซอร์วิส อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้ว
การปรับเมื่อเดือนธันวาคม 2535 ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรลอยตัวขึ้นไปเป็นประธานกรรมการบริหาร
และเลื่อนเชิดศักดิ์ขึ้นมาเป็นกรรมการผู้อำนวยการกลุ่ม ถือได้ว่าน่าจะเป็นการปรับใหญ่ด้านโครงสร้างบริหารครั้งสุดท้าย
เพื่อทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างลงตัว
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงเป็นอุบัติเหตุ นอกเหนือความคาดหมาย ที่เดาได้ว่าแม้แต่เชิดศักดิ์เองก็ไม่น่าจะรู้ตัวมาก่อน
เปรียบเทียบอำนาจหน้าที่ระหว่างตำแหน่งเก่าที่ใหญ่เป็นเบอร์ 2 รองจากทักษิณคุมธุรกิจทุกบริษัท
กับตำแหน่งใหม่ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับเชิดศักดิ์โดยเฉพาะและให้ดูแลเฉพาะธุรกิจต่างประเทศซึ่งตอนนี้มีแต่ลาวและกัมพูชาเท่านั้น
ไม่ว่าจะสร้างภาพธุรกิจด้านต่างประเทศของชินวัตรให้มีความใหญ่โต มีศักยภาพในอนาคตอย่างสวยหรูเพียงใด
งานนี้ก็คือการ "ปลดกลางอากาศ" นั่นเอง !
"คุณดูก็แล้วกันว่า เขาทำกับผมอย่างไร" ว่ากันว่าเชิดศักดิ์พูดกับคนใกล้ชิดอย่างนี้
หลังจากรู้แน่ชัดในชะตากรรมของตัวเอง
สำหรับมือทำงานที่ได้รับความไว้วางใจให้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุดเป็นอันดับสอง
จู่ๆ ก็ถูกลดเพดานลงเป็นแค่ผู้บริหารบริษัทเล็กๆ ในเครือที่ไม่ได้เป็นแม้กระทั่งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ด้วยซ้ำ
ถ้าไม่เป็นเพราะความแค้นเคืองก็คงไม่ทำกันเช่นนี้
ทักษิณมีความแค้นอะไรกับเชิดศักดิ์ ??
เรื่องการเล่นบทคนกลางผู้เจรจาขอซื้อหุ้นเทคโนโลยีแอพพลิเคชั่นส์หรือทีเอทีแอลของเชิดศักดิ์
ซึ่งทำให้ทักษิณไม่พอใจ เป็นการย้ำรอยแค้นซ้ำสองของคนคู่นี้ แค้นแรกนั้นมีที่มาจากศึกประมูลสัมปทานสมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์เมื่อต้นปี
ซึ่งทีพีพี ไดเรคทอรีส์ จำกัด เสนอผลประโยชน์ให้องค์การโทรศัพท์สูงสุด ทำท่าว่าจะชนะการประมูล
แต่กระทรวงคมนาคมสั่งให้ประมูลใหม่โดยอ้างว่าผิดข้อกฎหมายในเงื่อนไขที่ให้องค์การโทรศัพท์เข้ามาร่วมทุนด้วย
การประมูลครั้งนั้น ถือว่าเป็นการ "หัก" ทักษิณอย่างเจ็บแสบที่สุด
เพราะหัวเรี่ยวหัวแรงของทีพีพีคือชาติชาย เย็นบำรุง ซึ่งเป็นผู้จัดการทั่วไปของชินวัตร
ไดเรคทอรี่ส์ เจ้าของสัมปทานเก่าที่ยังไม่หมดอายุ และชินวัตรฯ ก็เสนอตัวเข้าประมูลครั้งใหม่ด้วยโดยไม่รู้ว่า
คนของตัวเองแอบไปตั้งบริษัทใหม่มาแข่งด้วย
ชินวัตร ไดเรคทอรี่ส์ก็คือเอทีแอนด์ที ไดเรคทอรี่ส์ ซึ่งได้สัมปทานเป็นรายแรกแต่ทำไม่สำเร็จจนต้องขายกิจการให้ทักษิณ
คนกลางในการเจรจาก็คือเชิดศักดิ์ ซึ่งเคยทำงานอยู่กับเอทีแอนด์ทีมาก่อน หลังจากชินวัตรได้มาแล้ว
เชิดศักดิ์ก็ได้รับมอบหมายให้บริหารงานจนสามารถล้างผลขาดทุนที่เอทีแอนด์ทีสร้างไว้ได้เกือบหมด
เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเชิดศักดิ์ที่เข้าตาทักษิณ
คนที่เชิดศักดิ์นำเข้ามาช่วยพลิกฟื้นชินวัตร ไดเรคทอรี่ส์ก็คือชาติชาย
ซึ่งรับช่วงบริหารงานต่อหลังจากเชิดศักดิ์ถอนตัวออกจากธุรกิจสมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองแล้ว
สองคนนี้จึงมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น และเชิดศักดิ์ก็รับรู้แผนการชิงสัมปทานสมุดโทรศัพท์จากชินวัตรฯ
ของชาติชายอยู่เต็มอก คนที่ไม่รู้ก็คือทักษิณ เพราะเชิดศักดิ์ไม่บอกทำให้ทักษิณโกรธมาก
ชั่วระยะเวลาไม่ถึง 5 เดือน แค้นแรกยังไม่จางหมายก็เกิดกรณีหุ้นทีเอทีแอลขึ้นมาอีก
แค้นนี้จึงต้องชำระเสียที วันเวลาของเชิดศักดิ์บนเก้าอี้หมายเลขสองของชินวัตรจึงสั้นอย่างไม่น่าเชื่อ
!!