Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์12 มีนาคม 2550
“ปริญสิริ”หมดทางล้างหนี้หันเพิ่มทุนหลังแผนร่วมทุนล่ม             
 


   
www resources

โฮมเพจ ปริญสิริ

   
search resources

ปริญสิริ, บมจ.
Real Estate




ทางรอดสุดท้าย “ปริญสิริ” เร่งระดมทุนกว่า 1,000 ล้านบาท หวังล้างหนี้พุ่งทะลุกว่า 1.5:1 พร้อมเดินหน้าลงทุนโครงการใหม่ 13 แห่ง มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ยันรายได้แตะหมื่นล้านภายใน 5 ปี

แม้ในช่วงที่ผ่านมา บมจ.ปริญสิริ จะมีหนี้สินต่อทุนเฉลี่ยอยู่ที่มากกว่า 1.5:1 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน และแม้ว่าจะมีกระแสข่าวมาตลอดในปีที่แล้วว่า ปริญสิริมีแผนจะร่วมทุนกับนักลงทุนต่างชาติ เพื่อให้ได้เม็ดเงินมาลงทุนโครงการใหม่ แต่ ชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย รองประธานกรรมการ กลับยืนยันเสียงแข็งว่า ปริญสิริยังมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน และมีความพร้อมในเรื่องแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้พัฒนาโครงการใหม่ๆ ในปีนี้ โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน และดิ้นรนหาเม็ดเงินใหม่ ๆ มาใส่ในบริษัท เพราะในช่วงปลายปี 2549 ต่อเนื่องจนถึงต้นปีนี้จะมีรายได้จากการโอนเข้ามาอีกจำนวนมาก ซึ่งจะเพียงพอต่อการลงทุนตามแผนการที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม ชัยวัฒน์ ยอมรับว่า ในปีก่อนปริญสิริมีการเจรจากับพันธมิตรข้ามชาติจากเอเชีย 2-3 รายถึงการเข้ามาร่วมทุนจริง แต่การเจรจากับพันธมิตรข้ามชาติ ไม่ใช่เพราะปริญสิริต้องการเงินมาหล่อเลี้ยงองค์กร หรือใช้สำหรับการลงทุนโครงการใหม่ของปีนี้ที่มีแผนจะลงทุนโครงการทั้งหมด 13 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ 10 โครงการ และแนวสูง 3 โครงการ เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด และวางเป้าหมายมียอดขายแตะ 10,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี นับจากปี 2549 เป็นปีแรก

แต่หากการเจรจาดังกล่าว เป็นเพราะปริญสิริมีแผนการลงทุนที่ชัดเจน และทำการตลาดถูกทางและสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและสภาพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่โฟกัสกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการซื้อจริง ตลอดจนมีแผนสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง และมีตัวเลขรับรู้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยมีการวางเป้าหมายเติบโตปีละ 15% ทุกปี ขณะที่ปี 2549 มีอัตราเติบโตราว 30% หรือมียอดรับรู้รายได้ 2,960 ล้านบาทต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาท จึงทำให้ปริญสิริเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ต่างชาติสนใจเข้ามาร่วมทุน

ขณะเดียวกันการเจรจากับพันธมิตรนั้น ส่วนใหญ่พันธมิตรจะเป็นผู้ที่ติดต่อเข้ามาเอง และบริษัทก็เปิดกว้างสำหรับการเข้ามาเจรจา แต่จนทุกวันนี้ยังไม่ขั้นลงตัวแต่อย่างใด เพราะการร่วมทุนมีรายละเอียดค่อนข้างมาก และต้องอาศัยเวลาในการพิจารณา

“หากเราจะจับมือกับพันธมิตรก็เพราะเราต้องการโนว์ฮาวด้านการก่อสร้าง โดยเฉพาะอาคารสูงมากกว่าเงินทุน และพันธมิตรที่เข้ามาเจรจาทุกรายก็มีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง บริษัทจึงสนใจและเจรจาด้วย”ชัยวัฒน์ กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปีนี้ ชัยวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าลงทุนโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นต้องหาแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำมาใช้ลงทุนโครงการใหม่ เพื่อให้สามารถต่อสู้กับคู่แข่งได้ ซึ่งขณะนี้แหล่งระดมทุนที่มีต้นทุนต่ำที่สุด คือ การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยบริษัทฯ มีแผนจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 670 ล้านบาท เป็น 1,340 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีเงินทุนไหลเข้ามากว่า 1,000 ล้านบาท และจะทำให้หนี้สินต่อทุนลดลงเหลือ 1.2 :1 หรือต่ำกว่า 1:1

โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีแรก 3 แห่ง ได้แก่1.โครงการเดอะ คอมพลีท ราชปรารภ ตั้งอยู่ใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นอาคารสูง 2 อาคาร จำนวน 334 ยูนิต และ 203 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาทขึ้นไป 2.โครงการ The Pulse พหลโยธิน 37 เป็นอาคารสูง 2 อาคาร รวม 308 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท และ3.เดอะ คอมพลีท นราธิวาส เป็นอาคารสูง 31 ชั้น จำนวน 187 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.79 ล้านบาท มูลค่ารวมทั้งหมดประมาณ 1, 000 ล้านบาท

สำหรับโครงการอื่นๆที่มีแผนจะทยอยเปิดตัวในช่วงไตรมาสสองเป็นต้นไปถึงปลายปีนี้อีก 10 แห่งนั้น บริษัทฯจะเร่งเปิดตัวให้เร็วขึ้น โดยจะเปิดตัวทั้งหมดภายในภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เพราะไม่มั่นใจในสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองที่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมือง และมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะมีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างไรบ้าง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us