Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2536








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2536
"ใครๆ ก็เรียกผม "เสี่ยฮับ" จากช่างประตู สู่นักพัฒนาที่ดิน"             
 


   
search resources

จตุรมิตรแลนด์
เสียมทอง หวังเจริญทรัพย์
Real Estate




ชายจีนร่างอ้วนใหญ่ที่พูดน้อยแต่มีลักษณะทรงอำนาจ ท่ามกลางหมู่ผู้ถือหุ้นของบริษัทจตุรมิตรแลนด์ ที่ทำโครงการ "เดอะ เรสซิเด้นท์ปาร์ค" คนๆ นี้คือ "เสียมทอง หวังเจริญทรัพย์" ที่สร้างตัวเองจากช่างประตูไม้สู่ฐานะเศรษฐีในชั่วอายุคนหนึ่ง

เสียมทอง หรือที่คนย่านปากน้ำสำโรงเรียกเขาว่า "เสียฮับ" มิได้กำเนิดจากฐานะครอบครัวมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยอย่าง "กาญจนพาสน์" ยักษ์ใหญ่แห่งบางกอกแลนด์ หรือ "อัศวโภคิน" แห่งแลนด์แอนด์เฮาส์ แต่ปฐมวัยของเสี่ยฮับมาจากลูกจีนที่ลี้ภัยจากแผ่นดินใหญ่มาทำมาหากินพอเอาตัวรอดในเมืองไทย เป็นชาวสวนทำไร่กล้วยที่กาญจนบุรี

"สมัยก่อนผมชื่อจีนว่า อึ้ง ซุ่น ฮับ เกิดอยู่บ้านนอกที่จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่อายุ 15 ก็เริ่มหัดเป็นลูกจ้างช่างไม้ในโรงงานทำประตูหน้าต่างได้เดือนละ 5 บาท ทำอยู่สิบปีก็ได้เงินเดือน 3-5 พันบาท ผมก็เก็บเงินไปเซ้งบ้านไม้ทำกิจการเอง ตอนนั้นอายุ 25 แล้วชีวิตเถ้าแก่ตอนแรกลำบากมาก เพราะไม่มีใครช่วย พ่อแม่ก็ไม่รวย แต่ผมเป็นคนรู้จักคบหาสมาคมเพื่อน ก็มีคนสนับสนุนดี ทั้งแบงก์และเพื่อนฝูงในโครงการ" นี่แหละชีวิตของคนสู้ชีวิตของเสียมทอง ที่ลุยดงขี้เลื่อยขึ้นมาผงาดในยุทธจักรได้

จากร้านซุ่นฮะเฮงการช่างที่เสี่ยฮับเริ่มต้นด้วยเงินทุนเพียง 5 หมื่นบาท ทำประตูและกรอบหน้าต่างในปี 2500 ได้กลายเป็นธุรกิจสำคัญที่เสี่ยฮับสามารถเก็บสะสมทุนได้ จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ เสี่ยฮับได้กลายเป็นเจ้าของ หจก. ซุ่นฮะเฮงการช่าง โรงงานผลิตประตูหน้าต่างไม้สักทองแกะสลักขนาดใหญ่ บนเนื้อที่ 7 ไร่ย่านบริเวณสมุทรปราการ และแตกขยายไปสู่วงจรค้าธุรกิจก่อสร้างอื่นๆ เช่น บริษัทสุวินทวงศ์คอนกรีตผสม กิจการเอเยนต์ปูนซีเมนต์ถุง

ในปี 2517-2518 ก้าวสำคัญทางธุรกิจที่ทำให้เสี่ยฮับได้เข้ามาในวงการธุรกิจบ้านจัดสรร เริ่มต้นจากสายสัมพันธ์ที่ตนเป็นซับพลายเออร์ประตูหน้าต่างไม้แก่หมู่บ้านจัดสรรต่างๆ ทำให้เขาได้ทราบข้อมูลการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงในการทำบ้านจัดสรรขายแต่ละโครงการ จึงตัดสินใจทำโครงการแห่งแรกขึ้นมาชื่อว่า "หมู่บ้าน ส. ร่วมใจ" ที่บริเวณทางรถไฟเก่า โดยจับกลุ่มลูกค้าระดับล่าง

"ผมเริ่มต้นจากเจ้าของที่ดินเขาให้ที่ดินมาทำ 10 กว่าไร่ ทีแรกที่ทำโครงการนี้ก็เพื่อหวังจะระบายสินค้าจากโรงงานมาใช้ในโครงการ แต่พอจัดสรรขึ้นมาก็ขายดี พอลูกค้าโอนเงินให้เราหมด ผมก็คืนหนี้ให้เจ้าของที่ดิน โครงการนี้พอมีกำไร" เสี่ยฮับที่ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นไทยว่า "เสียมทอง หวังเจริญทรัพย์" เล่าให้ฟังถึงความมีหัวการค้าแบบชาวจีนสมัยนั้นที่จับเอาที่ดินรกร้างว่างเปล่ามาทำบ้านจัดสรรขาย

จากคอนเซปท์การลงทุนแบบ "วัดครึ่ง-กรรมการครึ่ง" ที่เสี่ยฮับเริ่มต้นอย่างไม่เสี่ยงในช่วงภาวะเศรษฐกิจการเมืองผันผวนหลัง 14 ตุลา 16 เขาได้นำมาใช้อีกครั้งในการทำโครงการ "หมู่บ้านร่มเย็น" ที่ศรีนครินทร์อีกสิบปีต่อมา ช่วงปี 2527 ขณะที่เกิดวิกฤตการณ์สถาบันการเงินล้มโดยเฉพาะไฟแนนซ์และทรัสต์ แต่โครงการหมู่บ้านของเสี่ยฮับที่จับตลาดล่างที่ต้องการที่อยู่อาศัยก็ยังคงทำกำไรให้กับเขา

สิบปีผ่านไป เสี่ยฮับรวยเงียบๆ จากเงินกำไรที่สะสมได้จากบ้านจัดสรร โรงไม้และค้าวัสดุก่อสร้าง เขาได้นำเงินไปลงทุนซื้อหลักทรัพย์ที่ดินเมื่อช่วง 5 ปีที่ผ่านมาและสร้างบ้านจัดสรรขายที่กลายเป็นธุรกิจหลักของเขาไปเสียแล้ว ขณะที่กิจการโรงไม้ดั้งเดิมได้โอนภารกิจสำคัญให้กับ "วิชาญ" ลูกชายคนโต ที่จบวิทยาลัยอุเทนถวายเป็นผู้บริหารแทน หลังจากที่วิชาญต้องผิดหวังกับยอดขายที่ไม่ดีเท่าที่คาดในโครงการ "ฟลาย เบิร์ด คอนโดมิเนียม" ที่พัทยา ซึ่งมีบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไทยเม็กซ์ในเครือธนาคารทหารไทยเป็นผู้สนับสนุน

"ลูกชายผมทำคอนโดมิเนียมนิดหน่อยที่พัทยาใต้ บนที่ดิน 7 ไร่ ทำไปทั้งหมด 4 หลัง ยังขายไม่หมดอีก 400 ห้องจากทั้งหมด 700 กว่าห้องๆ ละ 259,000 บาท สำหรับพื้นที่ใช้สอย 29 ตร.เมตร ช่วงนี้ใครซื้อเราแถมเฟอร์นิเจอร์ให้ด้วย" เสี่ยฮับเล่าให้ฟังถึงความฝืดในการขายคอนโดมิเนียมที่พัทยาจนต้องมีรายการส่งเสริมการขายด้วยการแจก

เสี่ยฮับได้เปลี่ยนจากคอนเซปท์การลงทุน "วัดครึ่ง-กรรมการครึ่ง" มาเป็นการลงทุนทุ่มสุดตัวในแต่ละโครงการเอง เริ่มต้นจากโครงการ "หมู่บ้านพนาสนธิ์" ที่มีอุทัย เผ่าภู่ เป็นมือขวาในฐานะผู้จัดการบริษัทสหนิมิตร บริหารจัดการโครงการพนาสนธิ์ตั้งแต่โครงการพนาสนธิ์ 1-2-3-4-5 โดยพนาสนธิ์ 6 และพนาสนธิ์แกรนด์วิลล์ซึ่งตั้งอยู่สุขาภิบาล 2 ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างอยู่ภายใต้อีกชื่อบริษัทหนึ่งคือ "บริษัท พนาสนธิ์ รีสอร์ท" และที่คาดว่าในอนาคตจะรุกก้าวไปทำหมู่บ้านพนาสนธิ์การ์เดนโฮมด้วย

"พนาสนธิ์เป็นหมู่บ้านของผมร่วมกับอาจารย์อุทัย โดยพัฒนาที่ดินที่ผมซื้อมานานแล้วตั้งแต่ 3-4 ปี บ้านทาวน์เฮาส์ที่เราทำจะอยู่ในระดับ 6 แสนกว่าในเนื้อที่ 16-18 ตร.วา ตอนนี้โอนกันไปแล้ว 80%" เสี่ยฮับเล่าให้ฟัง

ยิ่งทำยิ่งรวย กลายเป็นความสนุกที่เสี่ยฮับเริ่มตระเวนเก็บสะสมที่ดินทำเลงามๆ ไว้ในมือ และกระจายการลงทุนไปสู่ภูมิภาค เช่น โครงการหมู่บ้านโรสวิวที่เชียงใหม่ซึ่งเสี่ยฮับได้ร่วมกับเพื่อนที่กรุงเทพฯ จัดสรรที่ดิน 27 ไร่ใกล้ปอยหลวงทำบ้านเดี่ยวขาย นอกจากนี้ยังมีที่ปทุมธานีเก็บไว้ส่วนตัวอีก 40 ไร่ โดยมีแผนที่จะทำโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ระดับ 6-7 แสนบาท

ทุกครั้งที่ทำโครงการแต่ละแห่ง เสี่ยฮับก็ "ได้เพื่อน" ขยายวงความสัมพันธ์ธุรกิจในหมู่เพื่อนฝูงพ่อค้าบ้านจัดสรรและพ่อค้าวัสดุก่อสร้างออกไป เช่น ทวีศักดิ์ วัชรรัคคาวงศ์ เจ้าของหมู่บ้านลลิลกรีนวิลล์และหมู่บ้าน ลลิลทอง

เมื่อเงินบวกกับที่ดินที่กลุ่มผลประโยชน์ธุรกิจต่างมีสายสัมพันธ์กันอยู่ ได้นำไปสู่การลงทุนทำโครงการขนาดใหญ่มากชื่อ "เดอะ เรสซิเดนท์ปาร์ค" บนเนื้อที่กว่า 437 ไร่ ริมถนนสุวินทวงศ์ กม. ที่ 59 จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งกำลังเป็นทำเลที่มีศักยภาพการเติบโตหลังจากที่กรมทางหลวงได้เข้าไปขยายทางถนนสุวินทวงศ์เป็นสี่เลน

"ที่ดินผืนใหญ่นี้ เราซื้อมานาน 3 ปีแล้วเกิดจากการหุ้นกันหลายๆ คน เดิมที่ตรงนั้นเป็นบ่อเลี้ยงกุ้งตอนนั้นผมซื้อไร่ละ 1.2 ล้านบาท แต่เสียค่าถมที่ไปกว่า 70 ล้านบาท ส่วนค่าทำถนนคอนกรีตกว้าง 12-16 เมตร ท่อระบายน้ำและอื่นๆ อีก 30 ล้านบาท รวมแล้วขั้นต้นต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน ตอนนี้ที่ดินผมยื่นจัดสรรผ่านจังหวัดและกำลังยื่นเข้ากรมที่ดินลูกค้าซื้อไปประมาณ 70% ของเนื้อที่ 2 30 ไร่ เพราะผมขายไปให้คนรู้จักกันตั้งปีกว่า ก่อนจะเปิดโครงการขายคนทั่วไป ไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหนมาสร้างถนน" เสียมทอง หวังเจริญทรัพย์ กรรมการผู้จัดการบริษัทจตุรมิตร แลนด์ เล่าให้ฟังถึงการลงทุนที่ไม่เสี่ยงที่พ่อค้าชาวจีนยึดถือเป็นหลัก

จุดได้เปรียบในเชิงการแข่งขันที่ "เดอะ เรสซิเดนท์ปาร์ค" มีก็คือ เป็นโครงการเดียวที่มีหน้ากว้างติดถนนสุวินทวงศ์ยาวถึง 800 เมตร โดยมีพื้นที่ทั้งหมดเป็นสี่เหลี่ยมผืนใหญ่ การจัดผังบริเวณ 437 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ขายเป็นสองส่วน

หนึ่ง-โครงการ "เรสซิเดนท์ปาร์ค" จะขายเฉพาะที่ดินสำเร็จรูป 377 ไร่ จัดสรรเป็น 936 แปลงๆ ละ 52-884 ตร.เมตร พร้อมสโมสรและสนามเด็กเล่น

สอง-โครงการ "เรสซิเดนท์วิลล์" จะทำเป็นบ้านจัดสรรบนเนื้อที่ 60 ไร่ แบ่งออกเป็นบ้าน 161 หลัง บนเนื้อที่ 70-160 ตร.วา ที่จับตลาดลูกค้าระดับกลางถึงสูง ในระดับราคาบ้าน 1.7 ล้านบาท

นอกจากนี้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายโครงการในภาวะเศรษฐกิจซบเซายิ่งนัก ช่วงนี้ได้มีการนำเอารายการสมนาคุณกระตุ้นยอดขายระหว่าง 15-30 มิ.ย. ศกนี้ โดยใครซื้อบ้าน 50 ยูนิตแรกจะได้รับโทรศัพท์มือถือโนเกีย 101 ราคา 29,400 บาท ฟรี แถมถ้าครอบ 100 ยูนิตจะจับรางวัลรถยนต์โตโยต้าอีกสองคัน ส่วนใครที่ซื้อที่ดินก็ลุ้นรางวัลโตโยต้าเช่นกัน

โครงการนี้จะประสบความสำเร็จสมดังความคาดหมายหรือไม่ก็ตาม แต่สำหรับ "เสี่ยฮับ" หรือเสียมทอง หวังเจริญทรัพย์คนนี้ ช่างไม้ที่กลายเป็นเศรษฐีก็ยังคงรวยเงียบๆ จากธุรกิจที่ดินไปได้อีกนาน ตราบเท่าที่โฉนดที่ดินที่เก็บไว้ในตู้เซฟที่ธนาคารเพิ่มพูนและพัฒนางอกเงยเป็นผลตอบแทนในจังหวะเวลาที่เหมาะสมต่อไปในอนาคต

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us