ชายจีนร่างอ้วนใหญ่ที่พูดน้อยแต่มีลักษณะทรงอำนาจ ท่ามกลางหมู่ผู้ถือหุ้นของบริษัทจตุรมิตรแลนด์
ที่ทำโครงการ "เดอะ เรสซิเด้นท์ปาร์ค" คนๆ นี้คือ "เสียมทอง
หวังเจริญทรัพย์" ที่สร้างตัวเองจากช่างประตูไม้สู่ฐานะเศรษฐีในชั่วอายุคนหนึ่ง
เสียมทอง หรือที่คนย่านปากน้ำสำโรงเรียกเขาว่า "เสียฮับ" มิได้กำเนิดจากฐานะครอบครัวมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยอย่าง
"กาญจนพาสน์" ยักษ์ใหญ่แห่งบางกอกแลนด์ หรือ "อัศวโภคิน"
แห่งแลนด์แอนด์เฮาส์ แต่ปฐมวัยของเสี่ยฮับมาจากลูกจีนที่ลี้ภัยจากแผ่นดินใหญ่มาทำมาหากินพอเอาตัวรอดในเมืองไทย
เป็นชาวสวนทำไร่กล้วยที่กาญจนบุรี
"สมัยก่อนผมชื่อจีนว่า อึ้ง ซุ่น ฮับ เกิดอยู่บ้านนอกที่จังหวัดกาญจนบุรี
ตั้งแต่อายุ 15 ก็เริ่มหัดเป็นลูกจ้างช่างไม้ในโรงงานทำประตูหน้าต่างได้เดือนละ
5 บาท ทำอยู่สิบปีก็ได้เงินเดือน 3-5 พันบาท ผมก็เก็บเงินไปเซ้งบ้านไม้ทำกิจการเอง
ตอนนั้นอายุ 25 แล้วชีวิตเถ้าแก่ตอนแรกลำบากมาก เพราะไม่มีใครช่วย พ่อแม่ก็ไม่รวย
แต่ผมเป็นคนรู้จักคบหาสมาคมเพื่อน ก็มีคนสนับสนุนดี ทั้งแบงก์และเพื่อนฝูงในโครงการ"
นี่แหละชีวิตของคนสู้ชีวิตของเสียมทอง ที่ลุยดงขี้เลื่อยขึ้นมาผงาดในยุทธจักรได้
จากร้านซุ่นฮะเฮงการช่างที่เสี่ยฮับเริ่มต้นด้วยเงินทุนเพียง 5 หมื่นบาท
ทำประตูและกรอบหน้าต่างในปี 2500 ได้กลายเป็นธุรกิจสำคัญที่เสี่ยฮับสามารถเก็บสะสมทุนได้
จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ เสี่ยฮับได้กลายเป็นเจ้าของ หจก. ซุ่นฮะเฮงการช่าง
โรงงานผลิตประตูหน้าต่างไม้สักทองแกะสลักขนาดใหญ่ บนเนื้อที่ 7 ไร่ย่านบริเวณสมุทรปราการ
และแตกขยายไปสู่วงจรค้าธุรกิจก่อสร้างอื่นๆ เช่น บริษัทสุวินทวงศ์คอนกรีตผสม
กิจการเอเยนต์ปูนซีเมนต์ถุง
ในปี 2517-2518 ก้าวสำคัญทางธุรกิจที่ทำให้เสี่ยฮับได้เข้ามาในวงการธุรกิจบ้านจัดสรร
เริ่มต้นจากสายสัมพันธ์ที่ตนเป็นซับพลายเออร์ประตูหน้าต่างไม้แก่หมู่บ้านจัดสรรต่างๆ
ทำให้เขาได้ทราบข้อมูลการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงในการทำบ้านจัดสรรขายแต่ละโครงการ
จึงตัดสินใจทำโครงการแห่งแรกขึ้นมาชื่อว่า "หมู่บ้าน ส. ร่วมใจ"
ที่บริเวณทางรถไฟเก่า โดยจับกลุ่มลูกค้าระดับล่าง
"ผมเริ่มต้นจากเจ้าของที่ดินเขาให้ที่ดินมาทำ 10 กว่าไร่ ทีแรกที่ทำโครงการนี้ก็เพื่อหวังจะระบายสินค้าจากโรงงานมาใช้ในโครงการ
แต่พอจัดสรรขึ้นมาก็ขายดี พอลูกค้าโอนเงินให้เราหมด ผมก็คืนหนี้ให้เจ้าของที่ดิน
โครงการนี้พอมีกำไร" เสี่ยฮับที่ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นไทยว่า "เสียมทอง
หวังเจริญทรัพย์" เล่าให้ฟังถึงความมีหัวการค้าแบบชาวจีนสมัยนั้นที่จับเอาที่ดินรกร้างว่างเปล่ามาทำบ้านจัดสรรขาย
จากคอนเซปท์การลงทุนแบบ "วัดครึ่ง-กรรมการครึ่ง" ที่เสี่ยฮับเริ่มต้นอย่างไม่เสี่ยงในช่วงภาวะเศรษฐกิจการเมืองผันผวนหลัง
14 ตุลา 16 เขาได้นำมาใช้อีกครั้งในการทำโครงการ "หมู่บ้านร่มเย็น"
ที่ศรีนครินทร์อีกสิบปีต่อมา ช่วงปี 2527 ขณะที่เกิดวิกฤตการณ์สถาบันการเงินล้มโดยเฉพาะไฟแนนซ์และทรัสต์
แต่โครงการหมู่บ้านของเสี่ยฮับที่จับตลาดล่างที่ต้องการที่อยู่อาศัยก็ยังคงทำกำไรให้กับเขา
สิบปีผ่านไป เสี่ยฮับรวยเงียบๆ จากเงินกำไรที่สะสมได้จากบ้านจัดสรร โรงไม้และค้าวัสดุก่อสร้าง
เขาได้นำเงินไปลงทุนซื้อหลักทรัพย์ที่ดินเมื่อช่วง 5 ปีที่ผ่านมาและสร้างบ้านจัดสรรขายที่กลายเป็นธุรกิจหลักของเขาไปเสียแล้ว
ขณะที่กิจการโรงไม้ดั้งเดิมได้โอนภารกิจสำคัญให้กับ "วิชาญ" ลูกชายคนโต
ที่จบวิทยาลัยอุเทนถวายเป็นผู้บริหารแทน หลังจากที่วิชาญต้องผิดหวังกับยอดขายที่ไม่ดีเท่าที่คาดในโครงการ
"ฟลาย เบิร์ด คอนโดมิเนียม" ที่พัทยา ซึ่งมีบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไทยเม็กซ์ในเครือธนาคารทหารไทยเป็นผู้สนับสนุน
"ลูกชายผมทำคอนโดมิเนียมนิดหน่อยที่พัทยาใต้ บนที่ดิน 7 ไร่ ทำไปทั้งหมด
4 หลัง ยังขายไม่หมดอีก 400 ห้องจากทั้งหมด 700 กว่าห้องๆ ละ 259,000 บาท
สำหรับพื้นที่ใช้สอย 29 ตร.เมตร ช่วงนี้ใครซื้อเราแถมเฟอร์นิเจอร์ให้ด้วย"
เสี่ยฮับเล่าให้ฟังถึงความฝืดในการขายคอนโดมิเนียมที่พัทยาจนต้องมีรายการส่งเสริมการขายด้วยการแจก
เสี่ยฮับได้เปลี่ยนจากคอนเซปท์การลงทุน "วัดครึ่ง-กรรมการครึ่ง"
มาเป็นการลงทุนทุ่มสุดตัวในแต่ละโครงการเอง เริ่มต้นจากโครงการ "หมู่บ้านพนาสนธิ์"
ที่มีอุทัย เผ่าภู่ เป็นมือขวาในฐานะผู้จัดการบริษัทสหนิมิตร บริหารจัดการโครงการพนาสนธิ์ตั้งแต่โครงการพนาสนธิ์
1-2-3-4-5 โดยพนาสนธิ์ 6 และพนาสนธิ์แกรนด์วิลล์ซึ่งตั้งอยู่สุขาภิบาล 2
ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างอยู่ภายใต้อีกชื่อบริษัทหนึ่งคือ "บริษัท
พนาสนธิ์ รีสอร์ท" และที่คาดว่าในอนาคตจะรุกก้าวไปทำหมู่บ้านพนาสนธิ์การ์เดนโฮมด้วย
"พนาสนธิ์เป็นหมู่บ้านของผมร่วมกับอาจารย์อุทัย โดยพัฒนาที่ดินที่ผมซื้อมานานแล้วตั้งแต่
3-4 ปี บ้านทาวน์เฮาส์ที่เราทำจะอยู่ในระดับ 6 แสนกว่าในเนื้อที่ 16-18 ตร.วา
ตอนนี้โอนกันไปแล้ว 80%" เสี่ยฮับเล่าให้ฟัง
ยิ่งทำยิ่งรวย กลายเป็นความสนุกที่เสี่ยฮับเริ่มตระเวนเก็บสะสมที่ดินทำเลงามๆ
ไว้ในมือ และกระจายการลงทุนไปสู่ภูมิภาค เช่น โครงการหมู่บ้านโรสวิวที่เชียงใหม่ซึ่งเสี่ยฮับได้ร่วมกับเพื่อนที่กรุงเทพฯ
จัดสรรที่ดิน 27 ไร่ใกล้ปอยหลวงทำบ้านเดี่ยวขาย นอกจากนี้ยังมีที่ปทุมธานีเก็บไว้ส่วนตัวอีก
40 ไร่ โดยมีแผนที่จะทำโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ระดับ 6-7 แสนบาท
ทุกครั้งที่ทำโครงการแต่ละแห่ง เสี่ยฮับก็ "ได้เพื่อน" ขยายวงความสัมพันธ์ธุรกิจในหมู่เพื่อนฝูงพ่อค้าบ้านจัดสรรและพ่อค้าวัสดุก่อสร้างออกไป
เช่น ทวีศักดิ์ วัชรรัคคาวงศ์ เจ้าของหมู่บ้านลลิลกรีนวิลล์และหมู่บ้าน ลลิลทอง
เมื่อเงินบวกกับที่ดินที่กลุ่มผลประโยชน์ธุรกิจต่างมีสายสัมพันธ์กันอยู่
ได้นำไปสู่การลงทุนทำโครงการขนาดใหญ่มากชื่อ "เดอะ เรสซิเดนท์ปาร์ค"
บนเนื้อที่กว่า 437 ไร่ ริมถนนสุวินทวงศ์ กม. ที่ 59 จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งกำลังเป็นทำเลที่มีศักยภาพการเติบโตหลังจากที่กรมทางหลวงได้เข้าไปขยายทางถนนสุวินทวงศ์เป็นสี่เลน
"ที่ดินผืนใหญ่นี้ เราซื้อมานาน 3 ปีแล้วเกิดจากการหุ้นกันหลายๆ คน
เดิมที่ตรงนั้นเป็นบ่อเลี้ยงกุ้งตอนนั้นผมซื้อไร่ละ 1.2 ล้านบาท แต่เสียค่าถมที่ไปกว่า
70 ล้านบาท ส่วนค่าทำถนนคอนกรีตกว้าง 12-16 เมตร ท่อระบายน้ำและอื่นๆ อีก
30 ล้านบาท รวมแล้วขั้นต้นต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน ตอนนี้ที่ดินผมยื่นจัดสรรผ่านจังหวัดและกำลังยื่นเข้ากรมที่ดินลูกค้าซื้อไปประมาณ
70% ของเนื้อที่ 2 30 ไร่ เพราะผมขายไปให้คนรู้จักกันตั้งปีกว่า ก่อนจะเปิดโครงการขายคนทั่วไป
ไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหนมาสร้างถนน" เสียมทอง หวังเจริญทรัพย์ กรรมการผู้จัดการบริษัทจตุรมิตร
แลนด์ เล่าให้ฟังถึงการลงทุนที่ไม่เสี่ยงที่พ่อค้าชาวจีนยึดถือเป็นหลัก
จุดได้เปรียบในเชิงการแข่งขันที่ "เดอะ เรสซิเดนท์ปาร์ค" มีก็คือ
เป็นโครงการเดียวที่มีหน้ากว้างติดถนนสุวินทวงศ์ยาวถึง 800 เมตร โดยมีพื้นที่ทั้งหมดเป็นสี่เหลี่ยมผืนใหญ่
การจัดผังบริเวณ 437 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ขายเป็นสองส่วน
หนึ่ง-โครงการ "เรสซิเดนท์ปาร์ค" จะขายเฉพาะที่ดินสำเร็จรูป
377 ไร่ จัดสรรเป็น 936 แปลงๆ ละ 52-884 ตร.เมตร พร้อมสโมสรและสนามเด็กเล่น
สอง-โครงการ "เรสซิเดนท์วิลล์" จะทำเป็นบ้านจัดสรรบนเนื้อที่
60 ไร่ แบ่งออกเป็นบ้าน 161 หลัง บนเนื้อที่ 70-160 ตร.วา ที่จับตลาดลูกค้าระดับกลางถึงสูง
ในระดับราคาบ้าน 1.7 ล้านบาท
นอกจากนี้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายโครงการในภาวะเศรษฐกิจซบเซายิ่งนัก ช่วงนี้ได้มีการนำเอารายการสมนาคุณกระตุ้นยอดขายระหว่าง
15-30 มิ.ย. ศกนี้ โดยใครซื้อบ้าน 50 ยูนิตแรกจะได้รับโทรศัพท์มือถือโนเกีย
101 ราคา 29,400 บาท ฟรี แถมถ้าครอบ 100 ยูนิตจะจับรางวัลรถยนต์โตโยต้าอีกสองคัน
ส่วนใครที่ซื้อที่ดินก็ลุ้นรางวัลโตโยต้าเช่นกัน
โครงการนี้จะประสบความสำเร็จสมดังความคาดหมายหรือไม่ก็ตาม แต่สำหรับ "เสี่ยฮับ"
หรือเสียมทอง หวังเจริญทรัพย์คนนี้ ช่างไม้ที่กลายเป็นเศรษฐีก็ยังคงรวยเงียบๆ
จากธุรกิจที่ดินไปได้อีกนาน ตราบเท่าที่โฉนดที่ดินที่เก็บไว้ในตู้เซฟที่ธนาคารเพิ่มพูนและพัฒนางอกเงยเป็นผลตอบแทนในจังหวะเวลาที่เหมาะสมต่อไปในอนาคต