ความคึกคักเปิดตัวโครงการใหม่ก.พ.ลดลง "เอเจนซี่ฯ"ระบุมีแค่ 11 โครงการ ลดลงจากเดือนก่อน 11 โครงการ ซ้ำมูลค่าโครงการลดมากถึง 4,500 ล้านบาท มาอยู่ที่ 7,250 ล้านบาท แต่หน่วยขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 5% หรือ 263 หน่วย สาเหตุหลักเกิดจากโครงการคอนโดฯราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทเปิดขายจำนวนมาก แจงคอนโดฯนำโด่งหน่วยขายถึง 3,253 หน่วย มูลค่า 3,071 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 1,196 หน่วย มูลค่า 1,241 ล้านบาท บ้านเดี่ยวแค่ 748 หน่วย

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ว่า จำนวนโครงการที่เกิดใหม่มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 21 โครงการ มีจำนวน 5,384 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 7,250 ล้านบาท ซึ่งจำนวนโครงการเกิดใหม่เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ลดลง 11 โครงการ

โดยจะเห็นได้ว่า จำนวนอสังหาฯที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนก.พ.นี้ พบว่ามีประเภทที่อยู่อาศัยจำนวน 5,331 หน่วย หรือประมาณ 99 % ของอสังหาฯทั้งหมดที่เปิดในเดือนนี้ โดยอสังหาฯประเภทอาคารชุดจะเป็นสินค้าที่นิยม หรือพัฒนากันมากที่สุดเช่นเดือนที่ผ่านๆ มา โดยมีหน่วยขายมากถึง 3,253 หน่วย หรือประมาณ 61% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด ซึ่งน้อยกว่าเดือนที่ผ่านมาจำนวน 139 หน่วยเท่านั้น (เดือนม.ค. มีจำนวน 3,392 หน่วย) หรือลดลงจากเดือนก่อนประมาณ 4% เท่านั้น

รองลงมาคือประเภททาวน์เฮาส์มีหน่วยขายจำนวน 1,196 หน่วย หรือประมาณ 22% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด(จำนวนหน่วยใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านมา) และประเภทบ้านเดี่ยวมีหน่วยขายจำนวน 748 หน่วย หรือประมาณ 14% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมด (มีจำนวนหน่วยลดลงจากเดือนก่อนประมาณ 31% ) ทั้งนี้ ที่อยู่อาศัยทั้ง 3 ประเภทจะมีจำนวนมากถึง 5,197 หน่วย หรือประมาณ 97% ของจำนวนอสังหาฯทั้งหมดในเดือนนี้ (พิจารณาตารางประกอบ)

ในด้านของมูลค่าโครงการแล้ว มีทั้งสิ้น 7,248 ล้านบาท มีมูลค่าต่ำกว่าเดือนม.ค.จำนวนมากถึง 4,502 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 38% แต่มีจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายมากกว่าจำนวน 263 หน่วย หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5% เนื่องจากเดือนที่ผ่านมามีการเปิดตัวอาคารชุดระดับราคาถูก-ปานกลางจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท รวมถึงมีการพัฒนาบ้านพักตากอากาศระดับราคาสูงเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไปด้วย และในเดือนนี้ก็ได้มีการเปิดตัวอาคารชุดระดับราคาถูก-ปานกลางเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะที่ระดับราคาไม่เกิน 1ล้านบาท มีหน่วยขายในกลุ่มนี้มากถึง 80% ของจำนวนอาคารชุดที่เปิดขายในเดือนนี้ทั้งหมด (2,605 หน่วย จากทั้งหมด 3,253 หน่วย)

แห่พัฒนาที่อยู่อาศัยราคาต่ำ1ล้านบาท

โดยประเภทที่อยู่อาศัยที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุดในเดือนก.พ.ก็คืออาคารชุด มีมูลค่าโครงการจำนวน 3,071 ล้านบาท ประมาณ 43% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด ลดลงจากเดือนก่อนจำนวน 4,276 ล้านบาท (เดือนที่ผ่านมา 7,277 ล้านบาท) หรือลดลง 41% ทำให้ราคาขายเฉลี่ยของอาคารชุดในเดือนนี้มีราคาเพียง 0.944 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนที่ผ่านมา ที่ราคาขายเฉลี่ย 2.145 ล้านบาท

ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าการพัฒนาลำดับรองลงมาคือบ้านเดี่ยว มีมูลค่าโครงการจำนวน 1,425 ล้านบาท หรือประมาณ 20% ของมูลค่าทั้งหมด และอันดับ 3 คือทาวน์เฮาส์ มีมูลค่าโครงการจำนวน 1,241 ล้านบาท หรือประมาณ 17% ของมูลค่าทั้งหมด โดยในเดือนนี้อาคารชุดที่เปิด 80 % ของการเปิดขายทั้งหมดเป็นอาคารชุดที่มีระดับราคาไม่เกิน 1ล้านบาท ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในเดือนนี้มีการพัฒนาสินค้าราคาถูกออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มทาวน์เฮาส์ และอาคารชุดที่ระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เนื่องจากเป็นสินค้าที่ราคาไม่สูงมากนัก ผู้บริโภคยังมีกำลังซื้อได้ และเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงมูลค่าโครงการโดยรวมจะต่ำกว่าเดือนที่ผ่านมา และมีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยต่ำกว่า เนื่องจากมีจำนวนหน่วยขายที่มีระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท สูงถึง 95% ของหน่วยขายทั้งหมด และมีมูลค่าสูงถึง 71% ของมูลค่าทั้งหมด ซึ่งราคาขายเฉลี่ยของเดือนนี้จะมีราคาลดลงค่อนข้างมาก โดยมีราคาขายที่ประมาณ ( 1.346 ล้านบาทต่อหน่วย) ซึ่งเดือนที่ผ่านมามีราคาขายเฉลี่ยที่ 2.295 ล้านบาทต่อหน่วย

ขณะที่ระดับราคาที่มีจำนวนหน่วยขายมากที่สุด จะอยู่ที่ระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายมากถึง 3,463 หน่วย หรือประมาณ 64% ที่ระดับราคา 1.001-2 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขาย 1,665 หน่วย หรือประมาณ 31% ของหน่วยขายทั้งหมด ที่ระดับราคา 2.001-3 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายเพียง 153 หน่วย หรือประมาณ 3% ของหน่วยขายทั้งหมด ที่ระดับราคา 3.001-5ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายเพียง 15 หน่วย หรือประมาณ 0.3% ของหน่วยขายทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 1.7% จะเป็นหน่วยขายที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป

ดร.โสภณ ระบุว่า ในเดือนก.พ.จำนวนหน่วยขายที่มีระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีหน่วยขายมากที่สุด และมีมูลค่ารวมกันสูงถึง 76% ของมูลค่าทั้งหมด (5,525 ล้านบาท จากมูลค่ารวม 7,250 ล้านบาท) ส่วนมูลค่าที่ระดับราคา 3.001-5 ล้านบาท มีมูลค่ารวมกันประมาณ 1% ของมูลค่าทั้งหมดเท่านั้น (53 ล้านบาท จากมูลค่ารวม 7,250 ล้านบาท) ส่วนที่เหลืออีก 23% เป็นหน่วยขายที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนหน่วยอยู่เพียง 88 หน่วย หรือประมาณ 1.7% ของหน่วยขายทั้งหมดเท่านั้น แต่มีมูลค่าโครงการสูงถึง 23% ของมูลค่าทั้งหมด (1,670 ล้านบาท จากมูลค่ารวม 7,250ล้านบาท) ซึ่งราคาขายเฉลี่ยของหน่วยขายที่มีระดับราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป มีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสูงถึง 18.977 ล้านบาท (เดือนก่อนราคาเฉลี่ยที่ 10.501 ล้านบาท)