|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“พาโนราม่า เวิลด์ไวด์” เตรียมผูกสัมพันธ์พันธมิตรในเอเชีย ร่วมก่อตั้งทีวีดาวเทียมช่องสารคดี ภายใต้ชื่อ “พาโนราม่า ชาแนล” คาดใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท หวังใช้เป็นเครื่องมือต่อรองการขายสารคดีของเอเชียสู่ยุโรปและทั่วโลก มั่นใจอีก 5 ปี เผยโฉมแน่ ล่าสุดในปีนี้ทุ่มงบประมาณกว่า 70 ล้านบาท เร่งสร้างสารคดี 7 รวด เชื่อสิ้นปีมีรายได้ทะลุ 99 ล้านบาท
นายชนินทร์ ชมะโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พาโนราม่า เวิลด์ไวด์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจผู้ผลิตสารคดีในภูมิภาคเอเชียนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า เมื่อนำไปจำหน่ายยังต่างประเทศโดยเฉพาะในแถบยุโรปและภูมิภาคอื่นๆ มักจะถูกกดราคาเป็นอย่างมากคิดเป็นส่วนต่างประมาณ 10 เท่า เมื่อเทียบกับสารคดีในกลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกาด้วยกัน ดังนั้นทางบริษัทฯจึงมีแนวคิดที่จะก่อตั้งสถานีทีวีดาวเทียม สำหรับช่องสารคดีขึ้น ภายใต้ชื่อ “พาโนราม่า ชาแนล” โดยจะเป็นการร่วมกับพันธมิตรบริษัทผู้ผลิตสารคดีของแต่ละประเทศในภูมิภาคเอเชียให้เข้ามาร่วมมือกัน อาทิเช่น ยูนาน ทีวี ของ จีน และ บริษัทเอกชนในประเทศ ลาว กัมพูชา พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย
โดยในขณะนี้ทางบริษัทฯกำลังอยู่ในขั้นพูดคุยเจรจากับทางผู้ผลิตสารคดีในภูมิภาคเอเชียอยู่ คาดว่าไม่เกิน 5 ปี จะสามารถก่อตั้งสถานีทีวีดาวเทียมดังกล่าวได้ ขณะเดียวกันทางด้านการลงทุนนั้น คาดว่าจะเป็นลักษณะของการร่วมทุน หรือก่อตั้งบริษัทขึ้นใหม่ โดยขึ้นตรงกับทางพาโนราม่า เวิลด์ไวด์ คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นงบประมาณที่ไม่สูงมากนัก เนื่องจากบางส่วนเป็นการใช้เครื่องมือที่มีอยู่เดิม
“พาโนราม่า ชาแนล เชื่อว่าจะเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญที่จะช่วยต่อรองราคาการจำหน่ายสารคดีของภูมิภาคเอเชียไปสู่ยุโรปและอเมริกาในราคาที่ซื้อขายกันระดับสากล อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้ชาวยุโรปและอเมริกาได้เห็นถึงศักยภาพของผู้ผลิตสารคดีในภูมิภาคเอเชียว่ามีคุณภาพไม่แพ้ประเทศอื่นๆ”
ทั้งนี้ในกลุ่มทีวีดาวเทียม ที่เป็นช่องสารคดีขณะนี้ ที่ได้รับความนิยม คือ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก, ดิสคัฟเวอรี่ ชาแนล และเอ็นเอสเค ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในส่วนของ พาโนราม่า ชาแนลแล้ว จะมีจุดเด่นและความแตกต่างจากทั้ง 3 สถานี คือ การทำสารคดีด้านข้อมูลเชิงลึก ขายมุมมองของคนเอเชีย ซึ่งสาคดีส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมของคนในเอเชียนั้นเอง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจปีนี้นั้น ทางบริษัทฯได้จัดสรรงบประมาณสำหรับ 5 ปี นับจากปีนี้ สำหรับผลิตสารคดีจำนวนกว่า 7 เรื่อง โดยในปีนี้คาดว่าจะสามารถออกอากาศได้ประมาณ 2-3 เรื่อง ได้แก่ สารคดีชุดแผ่นดินสุวรรณภูมิ ซึ่งใช้ลงทุนไปกว่า 12 ล้านบาท ถ่ายทำมากว่า 2 ปี มีทั้งหมด 12 ตอน และสารคดี ชีวิตสัตว์ “Wild Thailand”มีทั้งหมด 8 ตอน นอกจากนี้ยังมีสารคดีสั้น ชุด เส้นทางสายราชไมตรี ความยาวตอนละ 5 นาที ซึ่งทั้งหมดจะออกอากาศผ่านช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ ทีวี ในปีนี้
นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังมีแผนการผลิตสารคดีสำหรับขายยังต่างประเทศโดยเฉพาะอีกด้วย ภายใต้ชื่อโครงการ “พาโนโปรไฟล์”โดยตั้งเป้าผลิตปีละประมาณ 26 เรื่อง ความยาวแต่ละเรื่องอยู่ที่ประมาณ 52 นาที ซึ่งงบประมาณในการลงทุนนั้นคาดว่าจะใช้ประมาณเรื่องละ 1 ล้านบาท ขณะที่ระยะเวลาในการถ่ายทำอยู่ที่ 2 ปี คาดว่าในปี 2551 จึงจะสามารถออกขายได้ทั่วโลก
“พาโนโปรไฟล์ เป็นโครงการที่บริษัทฯต้องการผลิตสารคดีสำหรับจำหน่ายยังต่างประเทศโดยเฉพาะ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มศึกษาและถ่ายทำไปบางแล้วบางเรื่อง เช่น คนไร้รัฐ ซึ่งเมื่อถ่ายทำเสร็จสมบูรณ์ บริษัทฯจะนำออกอากาศในประเทศผ่านช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ ก่อน แล้วจึงจะนำไปจำหน่ายยังต่างประเทศต่อไป”
ส่วนรายได้จากการจำหน่ายยังต่างประเทศใน 2 ปีที่ผ่านมานั้น ส่วนใหญ่จะมาจากการจำหน่ายในลักษณะผ่านสายการบิน ที่ต้องการสารคดีมาฉายบนเครื่อง ความยาวไม่เกิน 30 นาที ที่ผ่านมามีสายการบินกว่า 6 สายการบินที่สั่งซื้อสารคดีจากบริษัทฯผ่าน ตัวแทนจำหน่ายโดย บริษัท สปาแฟกซ์ แอร์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จากประเทศสหรัฐอเมริกา
นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามสถานการณ์ธุรกิจผู้ผลิตสารคดีนั้นขณะนี้กำลังเข้าสู่ยุคไฮเดฟฟิเนชั่น หรือ สัญญาณการรับชมที่มีคุณภาพสูง ดังนั้นปีนี้ทางบริษัทฯจึงได้จัดงบประมาณอีกกว่า 6 ล้านบาท สำหรับซื้ออุปกรณ์กล้องที่สามารถบันทึกภาพในลักษณะไฮเดฟฟิเนชั่นเพิ่มขึ้นอีก 4ตัวส่วนจะสามารถเปลี่ยนอุปกรณ์ทั้งหมดสู่เทคโนโลยีไฮเดฟฟิเนชั่นได้นั้น คาดว่าต้องใช้ระยะเวลาอีกกว่า 2 ปี และต้องใช้งบลงทุนอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ในส่วนของผลประกอบการของบริษัทฯในปีที่ผ่านมา มีรายได้รวมกว่า 88 ล้านบาท เติบโตจากปี 2548 ถึง 70% ส่วนในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 99 ล้านบาท มาจาก ต่างประเทศ 10% รายการโทรทัศน์ 45% และ การรับจ้างผลิตอีก 45%
|
|
|
|
|