|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เปิดแผนซูเปอร์สปอร์ต ตั้งหน้าตั้งตาขยายสาขาต่ออีก 10 สาขา หมายมั่นปั้น “ฟิต” ชอปเฉพาะรองเท้า รับการโตตลาดรองเท้าพุ่งต่อปีกว่า 30% พร้อมควัก 60 ล้านโฟกัสตลาดเฉพาะกลุ่ม เชื่อสิ้นปียอดรวมทะลุ 4 พันล้านบาท
นายณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด ผู้บริหารร้านซูเปอร์สปอร์ต บริษัทในเครือซีอาร์ซี เปิดเผยถึง บริษัทได้จัดงบประมาณไว้กว่า 90 ล้านบาท สำหรับดำเนินตามแผนงานของบริษัทในปี 2550 โดยจะใช้สำหรับการขยายสาขาประมาณ 10 แห่ง ทั้งในตัวกรุงเทพและเปิดตามหัวเมืองใหญ่ แบ่งเป็นรูปแบบของร้านซูเปอร์สปอร์ต ที่เป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์เสื้อผ้าและรองเท้ากีฬา 5 แห่ง และร้าน"ฟิต"(Fit by supersports) ซึ่งเป็นร้านที่จำหน่ายรองเท้าโดยเฉพาะ และเป็นชอปที่แยกออกมาต่างหากอีก 5 แห่ง
โดยงบประมาณที่จะใช้สำหรับการเปิดร้านซูเปอร์สปอร์ตเต็มรูปแบบขนาดใหญ่พื้นที่มากกว่า 1,000 ตารางเมตร อยู่ที่ 10-15 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับทำเลเป็นปัจจัยสำคัญ ขณะที่ร้าน"ฟิต" (Fit by supersports) คาวด่าจะใช้งบลงทุนเฉลี่ยสาขาละประมาณ2-3 ล้านบาท พื้นที่ประมาณ 100-120 ตารางเมตร
ปัจจุบัน บริษัทฯจะมีจำนวนสาขารวมกว่า 55 สาขา แบ่งเป็นซูเปอร์สปอร์ต 50 สาขา และร้าน"ฟิต"(Fit by supersports) อีก 5 สาขา เมื่อหากดูจากแผนการขยาย 10 สาขาในปีนี้ คาดว่าสิ้นปีบริษัทฯมีจำนวนสาขาทั้งหมดเป็น 65 สาขา
“สาเหตุที่บริษัทฯเลือกที่จะขยายสาขา 2 รูปแบบนั้น บริษัทได้เล็งเห็นถึงการเติบโตของกลุ่มธุรกิจกีฬาที่นับวันยิ่งจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ปีที่ผ่านมาการเติบโตรวมของบริษัทมีอยู่ 15% และโดยเฉพาะอัตราการเติบโตของกลุ่มรองเท้าในแต่ละปีมีสูงถึง 30% เฉลี่ยการซื้อรองเท้า ปีละ 2 ครั้ง ดังนั้นบริษัทจะโฟกัสทำตลาดของร้านฟิตมากขึ้น เนื่องจากการเติบโตยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอยู่ เมื่ออยู่ในช่วงวิกฤตช่วงนี้ โดยจะมุ่งพัฒนาสินค้าใหม่ๆเข้ามาทำตลาด”
ทั้งนี้กลุ่มสินค้าของบริษัทฯแบ่งได้เป็นรองเท้าแฟชั่น 50% และรองเท้ากีฬา 50% ขณะเดียวกันยังสามารถแบ่งได้เป็นสินค้าชายและหญิงในจำนวนเท่าๆกัน หรือมีรายการสินค้าทั้งหมดประมาณ 600 เอสเคยู โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่ชื่นชอบกีฬาและสนใจด้านแฟชั่น อายุอยู่ระหว่าง 13-30 ปี
นอกจากการขยายสาขาเพื่อขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นแล้ว บริษัทฯยังมองหาช่องทางสำหรับการทำตลาดเพิ่มเติมอีกทางหนึ่ง โดยได้เพิ่มงบประมาณสำหรับทำตลาดในปีนี้เป็น 60 ล้านบาท จากเดิมในปีที่ผ่านมาที่ใช้อยู่ที่ 50 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯจะมุ่งการทำตลาดในรูปแบบของการทำบีโลว์เดอะไลน์ ที่คาดว่าจะใช้งบประมาณไปกว่า 40 ล้านบาท สำหรับเจาะกลุ่มลูกค้ารักกีฬาโดยเฉพาะ เช่น การจัด “กอล์ฟ แฟร์ พลัส” ศูนย์รวมอุปกรณ์กอล์ฟ การจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจต่อลูกค้าซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจได้เป็นอย่างดี
นายณัฐ กล่าวต่อว่า แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่เราก็ยังคงเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจต่อเนื่องไม่หยุด พร้อมกับยังยืนยันอัตราการเติบโตเท่าเดิมที่ตั้งเมื่อต้นปีคือ 25-30% และตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้อยู่ที่4,000 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้อยู่ที่ 3,300 ล้านบาท จากตลาดรวมกีฬาที่มีมูลค่ามากกว่า 18,000 ล้านบาทในปีนี้
นอกจากนั้นหากพิจารณาดูจากสัดส่วนยอดขายของบริษัทฯ แล้วพบว่า รองเท้ามียอดขายสูงที่สุดคิดเป็นส่วนแบ่งรายได้กว่า 22% จากยอดขายรวมบริษัทฯ และมีการเติบโตมากกว่า 25% ตลอดมา รองลงมา คือ เสื้อผ้า มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 18% อันดับที่ 3 คือ กอล์ฟ มีสัดส่วนรายได้ 17 % ส่วนอันดับที่4. คือ เครื่องออกกำลังกาย คิดเป็นสัดส่วนที่ 15% และสุดท้ายอันดับที่ 5. คือ แร็คเก็ต มีสัดส่วนรายได้ 10% ที่เหลือเป็นสินค้าอื่นๆรวมกัน
|
|
|
|
|