Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2536








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2536
"ชีวิตที่มันสะใจของวีรกุล บุณยัษฐิติ ผู้สร้างชื่อ "NKT" โกคาร์ตไทยแลนด์"             
 


   
search resources

อู่วิกรม, บจก.
วีรกุล บุณยัษฐิติ




ในสนามประลองกีฬาความเร็ว การแข่งรถโกคาร์ตที่มองดูราวรถเด็กเล่นที่ไม่ธรรมดาคือความมันสะใจ ขณะที่ร่างกายผู้ขับถูกฉุดไปด้วยอัตราเร่งมโหฬารที่แผดเสียงเร้าใจกับความเร็วแบบสุดๆ ด้วยพลังเครื่องยนต์ 25 แรงม้าที่หมุน 19,000 รอบแบบหูดับตับไหม้ โดยก้นของคนขับห่างจากพื้นเพียงครึ่งนิ้ว มันเป็นความรู้สึกที่วีรกุล บุณยัษฐิติ หรือ "คุณนุก" กรรมการรองผู้จัดการบริษัท อู่วิกรมคนนี้ได้สร้างตำนานแห่งนักแข่งรถโกคาร์ตในฐานะคนเอเชียคนเดียวที่ลงสนามแข่งขันในอังกฤษเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

บัดนี้วีรกุลก็คือคนไทยคนเดียวในอาเซียนที่ผลิตรถแข่งโกคาร์ตส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส ฮอลแลนด์ และญี่ปุ่น ภายใต้เครื่องหมายการค้า "NKT" ซึ่งสร้างสรรค์มาจาก "นุก" (NK) ชื่อเล่นของวีรกุล ส่วนตัวอักษร T ย่อมาจาก THAILAND นั่นเอง

"เทคโนโลยีเป็นของผมเอง ไม่ได้ซื้อเขามา ผมเริ่มโกคาร์ตตั้งแต่เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว โดยเริ่มจากเป็นงานอดิเรกส่วนตัวที่ชอบเล่น และได้เคยลงแข่งที่อังกฤษ เมื่อกลับมาเมืองไทย รถหายากและแพง ผมจึงคิดทำขึ้นมาเล่นเอง ในอดีตผมทำประมาณ 30-50 คันแบ่งเพื่อนฝูงกันเล่น แต่ตอนนี้ขึ้นมาถึงปีละ 500 คัน และปีหน้าคาดว่าจะถึง 800-1,000 คัน" วีรกุลเล่าให้ฟังถึงศักยภาพของธุรกิจผลิตรถแข่งโกคาร์ตที่ยังขยายตัวได้อีกมากในอนาคต

ภูมิหลังของวีรกุลกำเนิดมาจากตระกูลเก่าแก่ที่มีบิดาเป็นทนายความชื่อดังในอดีต คือคุณหลวงประกอบนิติสาร เจ้าของที่ดินที่เชื่อมต่อระหว่างซอยสุขุมวิท 15 ทะลุซอยสุขุมวิท 19 หลวงประกอบนิติสารนิยมชมชอบการเล่นรถทันสมัยราคาแพงสุดๆ เป็นชีวิตจิตใจ

อุปนิสัยนี้ได้ถ่ายทอดมาถึงรุ่นลูก พี่ชายคนโตของวีรกุลคือ วิกรม บุณยัษฐิติซึ่งจบวิศวไฟฟ้าจากจุฬา บินไปเรียนต่อจนจบวิศวกรรถยนต์ที่อังกฤษและฝึกงานกับเบนซ์แล้วกลับมาเปิดกิจการอู่ซ่อมรถ "อู่วิกรม" ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในปัจจุบัน วิกรมเคยเป็นตัวแทนจำหน่ายรถ SABB สมัยหนึ่งก่อนที่ออโตเทคนิคจะทำอยู่ขณะนี้

สำหรับวีรกุล น้องชายคนสุดท้องของวิกรม ดำเนินวิถีชีวิตไม่ต่างกับพี่ชาย เพียงแต่ใช้เวลาน้อยกว่าในการร่ำเรียนจนจบวิศวกรรถยนต์และบริหารธุรกิจจากอังกฤษ ระหว่างที่เรียนก็ได้เป็นนักแข่งโกคาร์ตในสนามแข่งของอังกฤษมาแล้ว

วีรกุลได้สัมผัสกีฬาความเร็วนี้ก่อนที่จะเดินทางไปอังกฤษ เพราะกีฬาเล่นรถโกคาร์ตเกิดขึ้นในช่วงที่ไทยได้กลายเป็นฐานทัพของทหารอเมริกัน กีฬานี้ได้เผยแพร่ไปตามค่ายทหารจีไอทั่วไป ขณะที่กลุ่มเศรษฐีไทยก็จับกลุ่มเล่นกับเจ้าหน้าที่สถานทูตต่างประเทศที่สามารถนำเข้าโกคาร์ตได้

ชื่อเสียงและความสามารถของวีรกุลในกีฬาเล่นรถโกคาร์ตในสนามแข่งนานาชาติ ได้จุดประกายให้เขาได้กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงช่วงนั้น และเมื่อสำเร็จการศึกษา 4 ปีจากอังกฤษ วีรกุลได้กลับมาช่วยกิจการครอบครัวและยังคงเป็นแชมป์นักเล่นโกคาร์ตในทุกนัดที่มีการประลองกำลังกันขึ้น

20 กว่าปีที่วีรกุลคลุกคลีและมองเห็นว่า กีฬาเล่นรถโกคาร์ตน่าจะเปิดโอกาสเผยแพร่สู่สาธารณชนและขยายตลาดได้มากกว่าที่จะจำกัดอยู่แต่ในวงแคบๆ ของก๊วนหมู่เศรษฐีมีเงินด้วยกันเอง เช่น สันติ ภิรมย์ภักดี หรือบิล ไฮเนกี้ ผู้บริหารไมเนอร์กรุ๊ป

ด้วยประสบการณ์และความรู้ที่ร่ำเรียนด้านวิศวรถยนต์มา ทำให้เขาเริ่มสร้างโกคาร์ตที่เมดอินไทยแลนด์ขึ้นมาขายทั่วไป ด้วยราคาขายตั้งแต่ 36,000-73,000 บาทที่ต่ำกว่ารถนำเข้าที่มีราคาแพงถึง 100,000-200,000 บาท

แต่ในระยะต้นๆ ของการบุกเบิก NKT CAR นั้นวีรกุลต้องต่อสู้กับค่านิยมที่ลูกค้าคิดว่าของไทยคุณภาพสู้ของนอกไม่ได้ ด้วยการพิสูจน์ในทุกสนามแข่ง

"ครั้งหนึ่งเราโดนดูถูกมากๆ ว่ารถเราใช้ไม่ได้ แต่ของอย่างนี้มันพิสูจน์ได้ อย่าลืมว่าผมเรียนด้านนี้และลึกซึ้งกับรถแข่งโกคาร์ตมามาก ดีไซน์ทุกอย่างผมสเปควัตถุดิบเพื่อให้รถ NKT CAR มีบุคลิกลักษณะของรถแข่งที่ดี" วีรกุลเล่าอย่างภูมิใจในฝีมือคนไทย

ในช่วงทศวรรษที่รถโกคาร์ตยี่ห้อ NKT ได้กระจายสู่แหล่งลูกค้าในประเทศและเริ่มมีการส่งออกสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา ยุโรปและญี่ปุ่นเมื่อ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ทำให้วันนี้สินค้ารถแข่งโกคาร์ต NKT ได้เตรียมขึ้นทะเบียนมาตรฐานรับรอง CIK ของฝรั่งเศสซึ่งเป็นองค์กรควบคุมมาตรฐานรถแข่งโกคาร์ตของยุโรป

วีรกุลได้จุดประกายธุรกิจให้เช่ารถโกคาร์ตให้เกิดขึ้นตามแหล่งศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ มุ่งสู่พัทยาซึ่งเป็นกิจการรถให้เช่าที่ใหญ่ที่สุด กระจายไปสู่หัวเมืองใหญ่ๆ จากเหนือลงใต้เช่นเชียงใหม่มีสองแห่ง ขอนแก่น จันทบุรี ระยอง ภูเก็ต สมุย และล่าสุดนครราชสีมากำลังจะเริ่มธุรกิจนี้

แต่ธุรกิจรถโกคาร์ตนี้ วีรกุลกล่าวว่าไม่ใช่คนมีเงินทุกคนจะเปิดขึ้นมาได้ แต่ต้องศึกษาให้ดีก่อนการลงทุน ปัจจัยที่ต้องพิจารณาได้แก่ ธุรกิจนี้มีข้อน่ารังเกียจที่เสียงมันดังมากๆ จากเสียงยางเสียดสีอัดกับถนนด้วยความเร็วสูงสุดที่มีถึง 200 กม. ต่อชม. แต่เวลาขับแข่งจริงจะใช้เพียง 80 กม. ต่อชม. หรือ 40 กม. ต่อชม. ในสนามเด็กเล่น

นอกจากกลุ่มผู้เล่นที่มีอายุ 15-30 ปีจะมีเวลาว่ามาเล่นได้ต่อเมื่อเลิกเรียนหรือเลิกงานแล้ว ดังนั้นช่วง PEAK HOUR ที่จะทำเงินได้คือช่วงตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม

สถานที่จึงต้องอยู่ในเมืองโดยเฉพาะต้องอิงกับศูนย์การค้า สวนอาหาร โดยหลีกเลี่ยงตั้งข้างโรงเรียนหรือหมู่บ้านจัดสรร

"ผมเคยนั่งเฝ้าดูลูกค้าผมที่ไปเปิดที่ชั้น 5 ของห้างอิมพีเรียลเวิร์ล บางนา ผมเห็นแล้วงง เพราะคนเล่นคือกระเป๋ากระปี๋รถเมล์และมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ที่ยอมจ่ายเงินค่าขับรถโกคาร์ต 40 บาทต่อ 2 นาที เจ้าของสนามบอกว่าคนหนึ่งมาเล่นกันวันละเป็นพันบาท" วีรกุลเล่าด้วยน้ำเสียงอันแปลกใจที่คาดไม่ถึงว่าชนชั้นแรงงานจะคลั่งไคล้กีฬาความเร็วนี้มากๆ

เมื่อพิจารณาสนามแข่งกับสนามให้เช่ารถโกคาร์ตในเมืองไทย จะพบว่าสนามพีระเป็นที่แห่งเดียวที่ใช้แข่งรถโกคาร์ต 100% ไม่มีการให้เช่า แต่สนามเช่ารถโกคาร์ตที่นิยมเล่นกันมากคือ สนามที่ซอยวัดหัวกระบือ ที่ถนนธนบุรี-ปากท่อ กม. 7 ที่มีลักษณะเป็นธุรกิจให้เช่ารถ 70% แต่ใช้แข่งเพียง 30% ซึ่งก็อึดอัดและไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร

สำหรับในต่างจังหวัด ธุรกิจเช่ารถโกคาร์ตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอยู่ที่สนามจอมเทียน พัทยาใต้ ชื่อว่า "พัทยาคาร์ตเซอร์กิต" ซึ่งทำมานาน 5 ปีแล้ว ขนาดของรถโกคาร์ตมีถึง 40-50 คันซึ่งจะใช้เครื่องแรง ธุรกิจให้เช่ารถโกคาร์ตจะสูงถึง 90% ขณะที่ใช้แข่งเพียง 10% เท่านั้น

ที่เหลือนอกนั้นในจังหวัดต่างๆ เช่นสนามจันทบุรีก็จะมีรถให้เช่าถึง 70% แข่งเพียง 30% ขณะที่สนามระยองจะมีแข่งมากขึ้นเป็น 35-40%

สนามธุรกิจให้เช่าและแข่งรถโกคาร์ตเหล่านี้คือลูกค้ารายใหญ่ ที่นิยมซื้อรถแข่งโกคาร์ต NKT โดยสนนราคาขายจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับรุ่นหรือขนาดของรถ เช่น รุ่นให้เช่าที่ใช้เบรคสายจะมีราคา 34,500 บาทและรุ่นที่ให้เช่าที่ใช้เบรคน้ำมันจะแพงขึ้นเป็น 36,000 หรือรถโกคาร์ตรุ่นเอ็กซ์เปิร์ท Ao2 ราคาขายคันละ 44,500 บาท หรือรถแข่งฟอร์มูล่าซึ่งใช้เครื่องยนต์ 150 แรงม้าของมอเตอร์ไซด์ใส่เข้าไปมีราคาแพงที่สุดถึง 73,000 บาท

"ปีนี้ผมคิดว่าเราจะทำธุรกิจรถโกคาร์ตโดยรวมได้ประมาณ 15-20 ล้านบาท ปีที่แล้วเราส่งออกไปขายต่างประเทศได้ถึง 200 คัน โดยเราไม่ต้องออกไปหาตลาด ที่อเมริกาเขาใช้ NKT CAR ของเราซึ่งใส่เครื่องประมาณ 25 แรงม้าลงไปแข่ง ผมทำการวิจัยและพัฒนาสินค้าตลอดโดยทางอเมริกาและยุโรปเขาจะให้ข้อมูลจากนักแข่งมา" วีรกุลเล่าให้ฟัง

ความเป็นนักคิดที่ไม่หยุดนิ่งได้ทำให้วีรกุลได้พัฒนาสินค้ารถโกคาร์ตขึ้นมาอีกรุ่น ในกีฬาความเร็วอันนี้คือ รุ่นฟอร์มูล่า -150 สำหรับการแข่งในสนามพีระเท่านั้น วีรกุลได้นำเอาเครื่องยามาฮ่า คาวาซากิ และฮอนด้า (ยังไม่มีซูซูกิ) โดยมีโปรโมเตอร์ชื่อดังอย่างพิทักษ์ ปราดเปรื่อง เป็นผู้จัดการแข่งขัน

โลกของกีฬาความเร็วอย่างโกคาร์ตยังเติบโตไปได้อีกไกล ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน โดยเฉพาะคนอย่างวีรกุล บุณยัษฐิติ เจ้าของผลิตภัณฑ์อันลือชื่อ NKT ที่สานฝันให้เป็นจริงได้ในทศวรรษนี้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us