|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
มูลค่าตลาดชาพร้อมดื่ม 5 พันล้านบาท ในปีที่ผ่านมามีการเติบโตที่ลดลง 36% ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมมีขนาดเล็กลงเหลือประมาณ 3 พันล้านบาท ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อตัวเลขการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนั้นก็เพราะว่า ตลาดชาเขียว ซึ่งมีสัดส่วนถึง 80% ของตลาดชาพร้อมดื่มที่เป็นแฟชั่นผ่านมาเพียงชั่วคราว ได้หมดยุคฟีเวอร์ไปแล้ว
กอปรกับ สภาพตลาดชาเขียวที่ผ่านมาไม่มีผู้เล่นรายใหม่จะเข้ามาในตลาด ส่วนการแข่งขันของรายเก่ายังลดการใช้เม็ดเงินในการจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาด เหลือเพียงผู้เล่นในตลาดค่ายใหญ่เท่านั้นคือโออิชิ ยูนิฟ "เซนชะ" "นะมาชะ และ"เพียวริคุ" ที่ความเคลื่อนไหวเพื่อทำให้ผู้บริโภคสามารถจดจำแบรนด์ของตัวเองได้
แต่ที่น่าสนใจ และติดตามต่อไปคือ การสวนกระแสของชาดำ ที่มีสัดส่วน 20% ของตลาดชาพร้อมดื่มนั้น มีตัวเลขที่สวนทางกับชาเขียว เพราะมีการเติบโตถึง 10% โดยในปี 2548 ตลาดชาดำพร้อมดื่ม มีมูลค่าเพียง 300 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% จากมูลค่าตลาดรวมชาเขียวพร้อมดื่ม 3 พันล้านบาท
การเปลี่ยนแปลงของส่วนแบ่งตลาดและสัดส่วนตลาดรวมชาพร้อมดื่มนั้น ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าหลังการเติบโตของตลาดรวมชาพร้อมดื่มที่มีชาเขียว Ready to dirnk ที่เหมาะกับพฤติกรรมของวัยรุ่นมากกว่า เป็นตัวจุดพลุช่วยให้กับตลาดชาจากกลุ่มดื่มที่เป็นผู้ใหญ่ ขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปสู่วัยรุ่นคนรุ่นใหม่ ในปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มเปิดรับกับชาพร้อมดื่มที่เข้ามาเป็นตัวเลือกใหม่ในตลาด
ที่สำคัญยังทำให้ลิปตัน ซึ่งเป็นค่ายแรกที่บุกเบิกตลาดชาพร้อมดื่มออกสู่ตลาดเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา และครองความเป็นผู้นำตลาดในตลาดชาพร้อมดื่ม ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 80 % และลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
เพราะการเข้ามาของชาเขียว และถึงแม้ว่า ลิปตันไอซ์ที จะพยายามต่อกรกับชาเขียว โดยการแนะนำลิปตันเวฟ ซึ่งเป็นชาเขียวพร้อมดื่มเข้าสู่ตลาดเมื่อปี 2546 ในและในเดือนเมษายน 2547แนะนำ ลิปตันแมงโก้ เข้าสู่ตลาด พร้อมกับภาพยนตร์โฆษณาที่มี เรย์ แมคโดนัล เป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็ไม่ประสบความสำเร็จในการช่วงชิงแชร์จากกระแสความนิยมของชาเขียวกับคืนมาได้
แต่สำหรับการรุกตลาดครั้งใหม่นี้ ลิปตัน พลิกสถานการณ์การแข่งขัน โดยส่งชาแดงลงตลาด ซึ่งจะมีโอกาสในการแทรกตลาดได้มากกว่า เนื่องจากเป็นชาพร้อมดื่มเซกเมนต์ใหม่ ที่มีความแตกต่างจากคู่แข่งขัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาเขียว ชาขาว ชาดำ ชาอู่หลง หรือชานม
ชาลี จิตจรุงพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด บอกว่า ลิปตัน ชาแดง ผลิตขึ้นจาก "ชารอยบอส” ซึ่งเป็นชาชนิดพิเศษมีรสหวานอมเปรี้ยว และเติบโตเฉพาะในแถบเทือกเขาซีดาร์เบิร์ก ทางตะวันตกของประเทศแอฟริกาใต้
นอกจากนี้ยังทุ่มงบการตลาด 10 ล้านบาท เพื่อทำกิจกรรมให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยแจกสินค้าตัวอย่างทั่วประเทศ 1 ล้านแก้ว เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองดื่ม พร้อมทั้งเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่เพื่อเป็นการสร้างกระแสกระตุ้นให้ลิปตัน มีการเติบโตได้เปรียบคู่แข่ง เพราะตลาดชาเขียวอยู่ในช่วงขาลง
วางเป้าหมายของการบุกตลาดด้วย ชาแดงลิปตัน คาดว่าจะส่งผลให้มีส่วนแบ่งการตลาดจาก 18% เพิ่มเป็น 20% และมีรายได้รวมเติบโต 9% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา รวมทั้งผลักดันให้ตลาดรวมชาพร้อมดื่มปีนี้เติบโต 3-5%
ชาดำกรุยทางทวงบัลลังค์
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันโออิชิ ยังคงเป็นผู้นำตลาดพร้อมดื่มอย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นจาก 53% เป็น 54% ก็ตาม และค่ายน้ำอัดลมอย่างโค้ก ซึ่งเป็นคู่แข่งที่สำคัญถอดใจกับการทำตลาดเนสทีแล้วก็ตาม แต่ลิปตัน ก็พอจะมองเห็นโอกาสในการกลับมาเป็นผู้นำตลาดอีกครั้ง
เพราะลิปตัน มีการเตรียมพร้อมในการแข่งขันตลาดชาพร้อมดื่ม ด้วยการปลุกกระแสจากสินค้าใหม่ที่แตกต่างจากชาเขียว ได้มีความเคลื่อนไหวให้เห็นอย่างชัดเจน และเริ่มขึ้นเมื่อลิปตัน ซึ่งเป็นแบรนด์แรกๆที่ส่งสินค้าลงตลาดชาพร้อมดื่ม โดยมีชาดำซึ่งเป็นจุดแข็งของลิปตันเป็นเรือธง ได้กลับมาแข่งขันในตลาดชาพร้อมดื่มอีกครั้ง หลังจากหยุดทำตลาดไปปีกว่า
อีกทั้งตลอดปี 2549 ค่ายลิปตัน เริ่มบุกตลาดอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง พร้อมเทงบทำการตลาด100 ล้านบาท ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับการทำตลาดมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ 2-3 ปีก่อนที่ใช้งบรวมเพียง 30 ล้านบาท และถือเป็นการกลับมารุกตลาดอย่างจริงจังอีกครั้งหลังจากหยุดทำตลาดมากว่า 2 ปี
โดยเริ่มจาก re-position Brand เพื่อปรับตำแหน่งทางการตลาดชาดำพร้อมดื่มใหม่จากเครื่องดื่มที่ขายความสดชื่นภายใต้แนวคิด ตามสโลแกน สดชื่นอย่างแรง ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2540 ไปสู่จุดขายการเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยใช้ความเป็นธรรมชาติเป็นจุดขายสำคัญ ภายใต้แนวคิดระดับโกลเบิ้ล "ชาดำได้” โดยมีลิปตัน ไฮแลนด์ ซึ่งเป็นรสชาติใหม่ ในการนำเสนอประสบการณ์ของการดื่มชาจากธรรมชาติให้ผู้บริโภคได้สัมผัส ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดชาทำได้ รวมถึงมีการแจกสินค้าตัวอย่างให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลองด้วย
รวมทั้งการเปลี่ยนแพ็กเก็จจิ้งชาดำพร้อมดื่ม "ลิปตัน ไฮแลนด์”ในขวดเพ็ทซึ่งจากเดิมที่มีแค่ขวดแก้วและกระป๋อง เพื่อตอบรับกับกระแสความนิยมของผู้บริโภค ที่ทำให้ขวดเพ็ทมีสัดส่วนสูงถึง 60 % ของตลาดชาเขียวในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ให้ความสะดวก
เป้าหมายของการปรับดังกล่าวเพื่อเชื่อมโยงคุณค่าที่สอดคล้องรับกระแสสุขภาพ และเป็นการตอบโจทย์"ชาแท้” เพื่อไล่บี้กับการสื่อสารการตลาดทางด้านคุณค่า "ชาเขียว”
ไม่เพียงเท่านั้น ทางค่ายยูนิฟ ก็ใช้จังหวะที่ตลาดชาเขียวกระแสความนิยมลดลง และมองเห็นศักยภาพ และโอกาสในการเติบโตของตลาดชาดำที่จะเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดจากชาเขียวโดยเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมปีผ่านมา ยูนิฟ ได้ขยายไลน์สินค้าใหม่เป็นชาดำ หรือบาร์เลย์แบล็ค(Barley Black Tea) เนื่องจากมองว่าตลาดชาดำ เป็นชาต้นตำรับ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพจริงๆ และไม่ได้เป็นเครื่องดื่มแฟชั่นเหมือนกับตลาดชาเขียวที่เสื่อมความนิยมลดลง
อย่างไรก็ตามการกลับมาของ ลิปตัน ในตลาดชาดำอีกครั้ง ด้วยความเป็นแบรนด์ ที่สื่อถึงชาดำมากกว่าจึงมีโอกาสทางการตลาดมากขึ้นด้วย ปัจจัยดังกล่าวก็ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของลิปตัน เบียดยูนิฟขึ้นมาเป็นอันดับ 2 และมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 9% โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 13% เป็น 18% ขณะที่ยูนิฟนิฟ มีส่วนแบ่งตลาดลดลงจาก 19% เหลือ 11% ในตลาดชาพร้อมดื่ม
หลังจากตีตื้นขึ้นมาเป็นที่ 2 แล้ว ก้าวต่อไปของ ลิปตัน ที่ต้องจะต้องเผชิญคือการเข้าไปแข่งขันเพื่อช่วงชิงกับ โออิชิ ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดและมีความนิยมในชาเขียวของผู้บริโภคเป็นแต้มต่อ ขณะที่ลิปตันมีจุดแข็งที่เป็นบริษัทร่วมทุนกันระหว่างเป๊ปซี่ โค. และยูนิลีเวอร์ ซึ่งได้ประกาศตั้งบริษัท“เป๊ปซี่ ลิปตัน อินเตอร์เนชั่นแนล” เพื่อประสิทธิภาพในการจัดจำหน่ายชาดำพร้อมดื่มแบรนด์ลิปตัน ซึ่งมีจุดแข็งของ 3 พันธมิตร ประกอบด้วย ยูนิลีเวอร์ ซึ่งมีสินค้าที่มีคุณภาพ บริษัท เป๊ปซี่ โคล่า ไทยเทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งมีจุดแข็ง ด้านการตลาด และ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีจุดแข็งด้านช่องทางจำหน่าย โดยการต่อสู้ของคู่ชกใหม่ของวงการชาพร้อมดื่มในบ้านเราจะก่อให้เกิดสถานการณ์เป็นไปอย่างไรเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม
|
|
|
|
|