ทีเอ ออเร้นจ์ ประกาศนโยบายเน้น 4 เรื่องหลัก คัสโตเมอร์โฟกัส คุณภาพเครือข่าย คัสโตเมอร์เซอร์วิส และการรักษาฐานลูกค้าเก่าดึงลูกค้าใหม่ มั่นใจสิ้นปีคืนทุนและจะเริ่มทำกำไร หลังเตรียมงบถึง 1.2 หมื่นล้านบาทขยายและพัฒนาเครือข่ายต่อเนื่อง พร้อมงบด้านการตลาด 1,000 ล้านบาทและงบด้านไอทีรวมทั้งการพัฒนาคอนเทนต์อีก 100 ล้านบาท ส่วนลูกค้าปัจจุบันมีประมาณ 1.5 ล้านเลขหมาย ตั้งเป้ายอดผู้ใช้บริการสิ้นปีนี้ไว้ที่ 2.5 ล้านราย

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีเอ ออเร้นจ์ จำกัด เปิดเผยถึงนโยบาย และทิศทางการดำเนินธุรกิจว่า รอบปีนี้ออเร้นจ์จะมีการปรับตัวพอสมควร โดยจะเน้นเรื่องของรายได้เป็นหลัก ซึ่งออเร้นจ์จะโฟกัสในเรื่องของรายได้ก่อหักภาษีที่คาดว่า จะคืนทุน และแคชโฟลว์ เบรก อีเว่นได้ภายในปีนี้ ออเร้นจ์จึงต้องเน้นไปที่การโฟกัส คุณภาพของลูกค้ามากขึ้น

การดำเนินงานตามนโนบายของออเร้นจ์ปีนี้จะโฟกัสใน 4 เรื่องหลัก คือ1.เรื่องของคัสโตเมอร์โฟกัส จากเดิมที่เน้นเรื่องโปรโมชั่นและสร้างฐานลูกค้าอย่างรวดเร็ว จะเป็นการสร้างคุณค่าหรือเบเนฟิตและการให้ความยุติธรรมกับลูกค้าแทน

2.โฟกัสเรื่องคุณภาพเครือข่าย โดยจะมีการขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง หลังมีการเพิ่มทุนจาก กลุ่มผู้ถือหุ้น 6,000 ล้านบาทและเงินกู้อีก 6,000 ล้านบาท รวมเป็น 1.2 หมื่นล้านบาท ที่จะขยายเครือข่ายทั้งในอาคารและนอกอาคาร เพื่อให้มีพื้นที่การบริการครอบคลุม ประมาณ 90% ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นการรองรับบริการเสริมใหม่ๆ ด้วย

3.โฟกัสเรื่องของคัสโตเมอร์ เซอร์วิส โดยนำเสนอบริการต่างๆ ให้ลูกค้า ที่ออเร้นจ์เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในกลุ่มออเร้นจ์มาใช้ ทั้งจากยุโรปและอังกฤษมาปรับใช้กับผู้บริโภคคนไทย

4.โฟกัสเรื่องของการรักษาฐานลูกค้าเก่า ให้ใช้บริการออเร้นจ์ให้นานที่สุด ขณะเดียวกันจะมีการขยายฐานลูกค้าใหม่ด้วย

"อีกอย่างที่เราอยากให้เห็นคือนอนวอยซ์ อย่างฮัทที่เข้ามาก็สร้างจุดเด่นในเรื่องของนอนวอยซ์และสปีด ซึ่งเป็นเรื่องดีที่เป็นการให้ความรู้กับผู้บริโภคและเสริมตลาด และออเร้นจ์เองก็มีความพร้อมอยู่แล้ว ถ้าตลาดตรงนี้มีศักยภาพก็พร้อมจะเซ็ตอัพไปเป็นจีพีอาร์เอสได้"

อีกเรื่องที่ถือเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญในมุมมองของศุภชัย คือการเปิดแข่งขันเสรีด้านโทรคมนาคม แต่เรื่องดังกล่ายังไม่รู้ว่าจะเกิดหรือไม่ อย่างเรื่องของการแปรสัญญาสัมปทาน ซึ่งออเร้นจ์ค่อนข้างจะโฟกัสมากพอสมควร

"ถ้ามีการยกเลิกแอ็คเซ็สชาร์จจะทำให้เบรกอีเว่นเราขยับขึ้นมาเร็วขึ้น และเชื่อว่าการเปิดเสรีจะนำเอาการแข่งขันและเวิลด์คลาส สแตนดาร์ดเข้ามาแข่งขันในไทย ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคชาวไทยได้รับคุณภาพและความหลากหลายเท่ากับสากล"

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม ทีเอ ออเร้นจ์ กล่าวเสริมว่า เรื่องของการคัสโตเมอร์โฟกัส คือทำอย่างไรให้เข้าใจลูกค้า และขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมมากกว่า 14 พื้นที่ที่เปิดให้บริการไปแล้ว ซึ่งปีนี้จะมีการขยายอย่างต่อเนื่อง และมีการปรับปรุงเรื่องของขีดความสามารถในการรองรับหรือคาปาซิตี้ และการครอบคลุมของพื้นที่ให้มากขึ้น รวมถึงพื้นที่ที่ลูกค้ามีความต้องการในการใช้บริการ เช่น บริเวณพื้นที่นอกเมือง อย่างบางนาตราด หลักสี่ รวมถึงต่างจังหวัด หรือที่ไหนๆ ก็ตามที่เป็นความ ต้องการของลูกค้า ต้องได้รับสัญญาณที่ดีที่สุดและได้รับบริการที่มีคุณภาพ

นอกจากการขยายเครือข่ายแล้ว จะเป็น การขยายฐานลูกค้าโดยดึงลูกค้าใหม่ๆ เข้าระบบ พร้อมรักษาฐานลูกค้าเก่า โดยลูกค้าจะได้รับประสบการณ์จากการโทรของออเร้นจ์จากออเร้นจ์ ช้อป และออเร้นจ์ชัลแนล ที่กระจายอยู่ 6,200 จุดทั่วประเทศ

"ทำอย่างไรที่จะให้คุณค่าและแวลูกับลูกค้า โดยใช้ประสบการณ์จากยุโรปและอังกฤษมาปรับใช้กับคนไทย"

คุณค่าที่ดีที่สุดในแนวคิดของอภิรักษ์คือต้องเป็นองค์ประกอบรวมคือ 1.เรียลเปอร์เซ็กกั่น โดยคิดอัตราค่าโทร.เป็นวินาที อย่างกรณีใช้เวลา โทร.20 วินาที จะสามารถประหยัดเงินได้ถึง 3 เท่า หรือถ้าคิดขั้นต่ำ 30 วินาทีจะประหยัดเกือบ 30%

2.คอนเซ็ปต์เรื่องการคอนเนกต์ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนๆ หรือครอบครัว ในคอนเซ็ปต์นี้รอบปีที่ผ่านมาจะเรียกว่าจัสทอล์ก แต่ที่ออเร้นจ์จะสร้างใหม่ในปีนี้จะไม่จำกัดว่าเป็นจัสทอล์ก หรือทอล์กแพลนและไม่จำกัดให้ใช้เฉพาะกลุ่มเดียว กัน แต่จะเปิดกว้างซึ่งตรงนี้จะรวมถึงโทรศัพท์พื้นฐานหรือฟิกซ์ไลน์ด้วย ซึ่งจะเป็นการให้คุณ ค่ากับลูกค้าแบบไม่จำกัด

3.เรื่อง SMS จะเป็นการให้บริการแบบไม่จำกัดเวลา และที่ออเร้นจ์แตกต่างจากผู้ให้บริการ รายอื่นคือจะมี SMS ที่จะให้บริการทั้งจัสทอล์ก และทอล์กแพลนที่เลือกใช้ตามประเภทการใช้งาน ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องความแตกต่างที่ออเร้นจ์เตรียม ไว้ให้ลูกค้าในรอบปีนี้

"ทั้งสามอย่างเราจะผลักดันไปด้วยกันและในวันที่ 15 มีนาคมนี้จะมีการรอนซ์รูปแบบใหม่ของการให้บริการ ซึ่งจะเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างความเข้าใจขึ้นใหม่ ที่ไม่ใช่เรื่องของราคาอย่างที่ผ่านมา ที่ลูกค้าที่ใช้บริการมือถือ ผู้บริโภคจะพิจารณาจากราคาเป็นหลัก แต่ปีนี้จะเป็นเรื่องของเรียลเบเนฟิตจริงๆ"

สำหรับงบด้านอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการขยายเครือข่ายแล้ว ออเร้นจ์จะใช้งบด้านกิจกรรม การตลาดรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท และงบด้านไอทีรวมถึงการพัฒนาคอนเทนต์อีกประมาณ 100 ล้านบาท เนื่องจากต้องทำระบบชาร์จจิ้ง หรือโฮลติ้งคอนเทนต์ที่ต้องใช้ นอกจากนี้การร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ก็ต้องใช้งบพอสมควร ซึ่งตรงนี้จะเป็นการรองรับการขยายตัวของบริการนอนวอยซ์ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้ SMS ของออเร้นจ์ประมาณ 18-20 ล้านแมสเซสต่อเดือน และคาด ว่าจะมีรายได้จากบริการนอนวอยซ์ประมาณ 5-6% จากรายได้รวม

"ที่จะเห็นในปีนี้จะเป็นลักษณะของไดนามิกขึ้น และสิ่งที่เราโฟกัสคือเรื่องของการคืนทุน ซึ่งถือว่าเร็วมากจากการให้บริการแค่สองปีก็จะเริ่มทำกำไร"นายอภิรักษ์กล่าว

จากนโยบายและแผนการดำเนินงานที่ออเร้นจ์คาดว่าจะคืนทุนได้ในปีนี้ จะต้องมีรายได้ต่อเลขหมายประมาณ 600 บาทต่อหมายเลขต่อเดือน ส่วนลูกค้าปัจจุบันมีประมาณ 1.5 ล้านเลขหมาย และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 2.5 ล้านรายภายในปีนี้ หลังมีการประเมินกันว่าตลาดรวมของตลาดมือถือจะมีอัตราการโตประมาณ 35% จากปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 5 ล้านเลขหมาย โดยออเร้นจ์ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดจากอัตราการโตโดยรวมประมาณ 20% หรือประมาณ 1 ล้านเลขหมาย