Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 มีนาคม 2550
ปทุมดีไซน์รีแบรนด์เป็น'พีดีเฮ้าส์'             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท พีดี เฮาส์ จำกัด

   
search resources

Construction
Branding
ปทุมดีไซน์ ดีเวลอป, บจก.




ถึงยุคขาลงธุรกิจรับสร้างบ้าน หลังเติบโตติดต่อกันมากว่า 4 ปี บิ๊กปทุมดีไซน์ได้ฤกษ์รีแบรนด์ใหม่เปลี่ยนเป็น “พีดี เฮาส์” ทุ่มงบ 20 ล้านบาททำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ตอกย้ำความเป็นบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพ แนะผู้ประกอบการพัฒนาองค์กร บุคคลากรให้มีคุณภาพ ดึงความเชื่อมั่นลูกค้า

นายสิทธิพร สุวรณสุต ประธานกรรมการ บริษัท ปทุม ดีไซน์ ดีเวลอป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการรีแบรนด์ใหม่เป็น บริษัท พีดี เฮาส์ จำกัด เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการทำธุรกิจ เพราะในช่วงปี 2546 บริษัทได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาสำรวจตลาดและการรับรู้แบรนด์ ซึ่งพบว่า ลูกค้ามีความสับสนว่าเป็นบริษัทรับออกแบบและตกแต่ง มากกว่าที่จะเป็นบริษัทรับสร้างบ้าน

“ ในช่วง 3 ปีเศษที่ผ่านมา ตนได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้าน และผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจรับสร้างบ้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการสื่อสารกับผู้บริโภค กลยุทธ์การแข่งขัน การสร้างภาพลักษณ์และแบนด์สินค้าหรือโลโก้ ให้เป็นที่รู้จักและจดจำได้มากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้าน ที่จะพัฒนาและเปลี่ยนแปลงการแข่งขัน พร้อมกับการยกระดับธุรกิจรับสร้างบ้านไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯกำลังก้าวต่อไปตามแผนการตลาดที่วางไว้ โดยจะเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการรีแบรนดิ้ง เพื่อปรับภาพลักษณ์สินค้าและตราสินค้าให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเปลี่ยนจากปทุมดีไซน์สู่การเป็น พีดี เฮ้าส์ ภายใต้คอนเซปต์หรือแนวคิด “เราสร้างบ้าน เพื่ออนาคต” หรือ Build for The Future”

นอกจากนี้ เหตุผลประการแรกของการรีแบรนด์ครั้งนี้ ต้องการสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายและประชาชนทั่วไป เพื่อให้รับรู้ถึงผลิตภัณฑ์หรือสินค้าและบริการของบริษัทฯได้เข้าใจง่ายและชัดเจนขึ้น ว่าเป็นสินค้าและบริการเกี่ยวกับบ้านหรือที่อยู่อาศัย ส่วนเหตุผลประการที่ 2 คือ ผลการสำรวจและวิจัยตลาดพบว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ผู้บริโภค และประชาชนทั่วไปจดจำปทุมดีไซน์ได้น้อยมาก และมักเข้าใจสับสนว่าเป็นแบรนด์ที่ทำธุรกิจออกแบบหรือธุรกิจวัสดุตกแต่ง รวมถึงเพื่อสื่อสารถึงการเป็นแบรนด์ที่ทันสมัยและคำถึงความคุ้มค่าในอนาคต ดังนั้นในส่วนของโลโก้ใหม่ พีดี เฮ้าส์ จึงออกแบบให้มีคำว่า House อยู่ด้วย”

บริษัทฯประเมินว่า ปีนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการรีแบรนด์ เพราะว่าผลวิจัยตลาดที่บริษัทฯเคยสำรวจไว้เมื่อปี 2545-2547 ระบุว่า ภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และขาดความชัดเจนในสายตาของผู้บริโภคและประชาชน ที่ผ่านมาจึงทำให้บริษัทฯต้องวางกลยุทธ์เพื่อสร้างการรับรู้สู่ผู้บริโภค โดยแบ่งเป็น 1.แผนสร้างภาพรวมของธุรกิจหรือแบรนด์รับสร้างบ้านให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น 2.แผนต่อยอดสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเองให้เป็นที่จดจำและยอมรับ โดยตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯจึงเน้นและให้ความสำคัญต่อการสร้างภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านสำคัญเป็นลำดับแรกก่อน จนกระทั่งปัจจุบันธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น และถือว่าประสบผลสำเร็จด้วยดีในแง่ของการยอมรับจากผู้บริโภค

“ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมจึงไม่รีแบรนด์ก่อนหน้านั้น เพราะตนประเมินว่าหากภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านยังไม่เป็นที่รู้จัก ไม่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง การรีแบรนด์ก็จะไม่คุ้มค่าหรือเกิดประโยชน์มากนัก ยอมรับว่าต้องทุ่มเทและอดทนรอมานานถึง 3 ปีเศษ กว่าจะถึงเวลาหันมารีแบรนด์ของตัวเองให้ชัดเจนในปีนี้ อย่างไรก็ดีแม้จะเปลี่ยนชื่อแบรนด์สินค้าเป็น พีดี เฮาส์ ทว่าชื่อบริษัทฯในทางกฎหมายยังคงเป็น “ปทุมดีไซน์ ดีเวลอป” เช่นเดิม” นายสิทธิพรกล่าว

สำหรับ กลยุทธ์หลักๆที่จะนำมาใช้แข่งขันในปีนี้ได้แก่ การสื่อสารกับลูกค้า (Customer Communication) โดยบริษัทฯจะเน้นให้ความรู้และข้อมูลกับลูกค้าเรื่องบ้านและการสร้างบ้าน เพื่อให้ลูกค้ามีความเข้าใจในสินค้าและบริการมากพอก่อนตัดสินใจ และความสะดวกสบายของลูกค้า (Customer Convenience) ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถใช้บริการสร้างบ้านกับบริษัทฯได้ในราคาเดียวกัน คอบคลุมพื้นที่กรุงเทพปริมณฑลและต่างจังหวัดได้มากกว่า 25 จังหวัด โดยสามารถติดต่อสอบถามการให้บริการผ่าน Call Center 1490 เรียก พีดีเฮาส์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการตลาดที่คิดแบบ Outside In หรือคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก นอกจากนี้บริษัทยังคิดราคาค่าก่อสร้างในอัตราเดียวกันทั่วประเทศอีกด้วย

สำหรับการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและผู้บริโภคนั้น ปีนี้บริษัทฯจะหันมาใช้สื่อที่เป็น Mass เช่น ฟรีทีวี ในระยะแรกก่อนเพราะว่ามีศักยภาพที่จะเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วและจดจำได้ง่าย โดยจะเริ่มออนแอร์ในเดือนมีนาคมนี้ นอกจากนี้แล้วยังผสมผสานการใช้สื่อแบบ Below the Line เช่น การจัดกิจกรรม การร่วมงานแสดงสินค้า เคเบิลทีวี รวมถึงการจัดโปรโมชั่นหรือรายการส่งเสริมการขาย เพื่อตอกย้ำการรับรู้ถึงความเป็นบริษัทรับสร้างบ้านระดับ Top 5 ภายใต้ แบรนด์ พีดีเฮาส์

นอกจากนี้ ฝ่ายการตลาดของบริษัทได้ประเมินปริมาณบ้านสร้างเองในเขตกรุงเทพและปริมณฑลตลอดปี 2549 ว่า มีประมาณ 29,000 หน่วยเศษ จากปี 2548 บ้านสร้างเองมีจำนวน 25,244 หน่วย หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 17 % (จากสถิติศูนย์ข้อมูลอสังหาฯเดือนมกราคม-กันยายน 2549 มีจำนวน 22,424 หน่วยเศษ) หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 40,000-45,000 ล้านบาทเศษ โดยตลาดรับสร้างบ้านปี 2549 มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ประมาณ 7,800- 8,000 ล้านบาท หรือประมาณ 20% ของปริมาณบ้านสร้างเองในเขตกรุงเทพและปริมณฑลทั้งหมด

ทั้งนี้จะเห็นว่า ผู้บริโภคยังคงเลือกว่าจ้างสถาปนิกออกแบบบ้าน หรือว่าจ้างผู้รับเหมารายย่อยปลูกสร้างเองมากว่าการว่าจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน แต่แนวโน้มบริษัทรับสร้างบ้านจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ผลจากผู้บริโภคเริ่มเห็นถึงความแตกต่าง เข้าใจธุรกิจรับสร้างบ้านและบริษัทรับสร้างบ้านมากขึ้นตามลำดับ ในขณะเดียวกันกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านในสมาคมฯจำนวน 30 ราย มีส่วนแบ่งตลาดรับสร้างบ้านอยู่ประมาณ 3,800-4,000 ล้านบาท หรือประมาณ 10 % ของมูลค่ารวมบ้านสร้างเองเท่านั้น ถือว่ายังมีโอกาสขยายตลาดหรือขยายส่วนแบ่งจากกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยได้อีกจำนวนมาก หากสามารถทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นและพึงพอใจต่อการให้บริการ รวมทั้งสินค้ามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

แนวโน้มบ้านสร้างเองสู่ยุคขาลง

แนวโน้มปริมาณบ้านสร้างเองปี 2550-2554 คาดว่าจะชะลอตัวและเข้าสู่ช่วงขาลงหรืออย่างดีแค่ทรงตัว ทั้งนี้เนื่องจากในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา บ้านสร้างเองมีการขยายตัวหรือเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกหลายๆประการ อาทิ มาตรการทางภาษีของรัฐบาล อัตราดอกเบี้ยต่ำ การกระตุ้นตลาดของกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำ ฯลฯ ดังนั้นจากนี้ไปคาดว่าจะเป็นวัฏจักรขาลงของปริมาณบ้านสร้างเองและตลาดรับสร้างบ้าน

ทั้งนี้ คาดว่าตลาดรับสร้างบ้านจะกลับมาสู่วัฏจักรขาขึ้นและเติบโตอีกครั้งประมาณปี 2550 โดยผู้รับเหมารายย่อยและกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้าน ที่ยังทำตลาดแข่งขันกันจะมีการปรับตัวเองมากขึ้น เพื่อให้สามารถคงส่วนแบ่งตลาดเอาไว้และแข่งขันอยู่ได้ ภายใต้พฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการ มาตรฐานคุณภาพสินค้าและบริการที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us