|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ศรีไทย ฟู้ด เซอร์วิส ทุ่ม 90 ล้านบาท จับมือพันธมิตรอเมริกา-อิตาลี แตกธุรกิจใหม่คอลลิ่ง การ์ด บัตรโทรทัศน์ต่างแดนชูค่าบริการ 2-3 บาท ส่วนธุรกิจซอสซองเท 50 ล้านบาท ผุดโรงงานในลาว หวังใช้อาฟต้าช่วยลดต้นทุนผลิต 50% เล็งเป็นฐานส่งออกเชนฟาสต์ฟู้ดทั่วเอเชีย ลั่นปีหน้าปั้นแบรนด์ตนเองขึ้นลุยตลาดซอส แนะผู้ประกอบการขนาดย่อมต้องเร่งปรับตัวรับมือระบบการค้าเสรี
นายวันชัย รุ่งภูวภัทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทย ฟู้ด เซอร์วิส ผู้ดำเนินธุรกิจบริการสินค้าในบรรจุภัณฑ์ซองซอสพริก มะเขือเทศ เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯวางแผนขยายไลน์ธุรกิจใหม่และธุรกิจเดิมที่มีอยู่แล้วภายใต้การทุ่มงบ 90 ล้านบาท นำร่องปีนี้ขยายธุรกิจใหม่จากผู้ดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตบรรจุซอสแบบซอง และบริการบรรจุสินค้าในบรรจุภัณฑ์ ฯลฯ มาสู่ธุรกิจคอลลิ่ง การ์ด หรือบัตรโทรศัพท์โทรไปยังต่างประเทศ โดยในเบื้องต้นวางอัตราการบริการ 2-3 บาท ซึ่งคาดว่าใช้งบลงทุนในธุรกิจดังกล่าว 20 ล้านบาท โดยจับมือร่วมกับพันธมิตรในประเทศอเมริกาและอิตาลี
ส่วนธุรกิจผลิตซอสบรรจุซอง และผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ปีนี้บริษัทฯจะเน้นการบริหารต้นทุนให้ลดลง หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น 10% ซึ่งยังไม่รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรงงานที่ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อช่วงต้นปี ดังนั้นปีนี้บริษัทฯจึงได้ทุ่มงบ 50 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้น ที่ ประเทศลาว บนพื้นที่ 60 ไร่ ทั้งนี้เพื่อลดต้นทุนการผลิตที่ถูกลงกว่าประเทศไทยถึง 50% เนื่องจากการเข้าไปตั้งโรงงานในลาว ทำให้บริษัทฯอาศัยเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ภาษีนำเข้าสินค้าจากลาวมายังประเทศไทยเหลือเพียง 5% อีกทั้งยังลดเรื่องค่าแรงงาน ซึ่งเสียเพียง 40 บาทต่อคนต่อวัน เมื่อเทียบกับแรงงานไทยกว่า 200 บาทต่อคนต่อวัน
สำหรับการตั้งโรงงานในประเทศลาว บริษัทฯวางไว้เป็นฐานการส่งออกในประเทศเอเชียและประเทศไทย ซึ่งคาดว่ากำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากปัจจุบันในไทยมีโรงงานผลิตซอสและอื่นๆ 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานผลิตและบรรจุภัณฑ์ ตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมบางปู และโรงพิมพ์-บรรจุภัณฑ์ ตั้งอยู่ที่ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งใช้เงินลงทันไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท ในเบื้องต้นจะส่งออกในเชนแมคโดนัลด์ 7-8 ประเทศ และเคเอฟซี 4-5 ประเทศ และค่ายอาหารฟาสต์ฟู้ดอีกหลายแห่ง และบริษัทฯยังมีความสนใจที่จะลงทุนด้านบรรจุภัณฑ์ในประเทศเวียดนาม โดยกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา
“การหันไปลงทุนสร้างโรงงานในประเทศลาว ก็เพื่อรองรับกับการแข่งขันที่มีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะระบบการค้าเสรีต่างๆ และประการสำคัญรองรับกับสินค้าจีนที่ใช้กลยุทธ์ราคาถูกกว่าเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งมองว่าผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางมีรายได้ 200-300 ล้านบาท จะต้องเตรียมตัวรับมือในเรื่องดังกล่าวให้ดี โดยเฉพาะต้องศึกษาเกี่ยวกับระบบการค้าเสรีต่างๆ ซึ่งจะมีผลในเรื่องภาษีนำเข้าสินค้าที่ลดลง และมีผลต่อธุรกิจของตนเองอย่างไรบ้าง”
นายวันชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปีนี้บริษัทฯได้เตรียมลงทุนเพิ่มอีก 20 ล้านบาท สั่งซื้อเครื่องจักรผลิตบรรจุภัณฑ์และขยายพื้นที่เพิ่มเติม อีกทั้งยังเตรียมผลิตซอสภายใต้แบรนด์ของตนเองขึ้นมาทำตลาดในปีหน้านี้ ล่าสุดปีนี้บริษัทได้รับเป็นผู้ผลิตน้ำจิ้มไก่ย่าง 5 ดาว ในบรรจุภัณฑ์ขวดเพิ่มจากบรรจุภัณฑ์ซอง
สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 300 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มแรกการรับจ้างผลิตและบรรจุซอส และสินค้าอื่นๆ ในลักษณะซองให้กับฟาสต์ฟู้ด อาทิ แมคโดนัลด์ เคเอฟซี ไก่ย่างห้าดาว เป็นต้น สัดส่วน 50% กลุ่มที่สอง บริการบรรจุภัณฑ์เฉพาะให้กับผลิตภัณฑ์แบรนด์เนมต่างๆ ในลักษณะโค แพกเกอร์ ประกอบด้วย โอวัลติน มอคโคน่า เขาช่อง 25% และกลุ่มที่สาม-สี่ บริการบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารรวมกว่า 2,000 แห่ง และการผลิตสินค้าเฮาส์แบรนด์ให้กับโมเดิร์นเทรด คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 25%
|
|
|
|
|