ชวาร์สคอฟเร่งเเครื่องเดินหน้าอัดกิจกรรมทำตลาดเต็มกำลัง หวั่นยอดรวมตลาดเสริมสวยปีหมูหล่นวูบเหมือนปีก่อนหายไปกว่า 10% ล่าสุด ดึงไฮโซช่างผมมืออาชีพ สมศักดิ์ ชลาชล เป็นทูตเส้นผมชูความต่าง แนะเทคนิคเทรนด์ผมย่านเอเชีย หวังตลาดไทยปีนี้กระเตื้องโตสิ้นปีต้อง 2 หลักแน่

นายปีเตอร์ ธีโอดูลู ผู้จัดการทั่วไป ชวาร์สคอฟ โปรเฟชชั่นแนล แฮร์เดรสซิ่ง บริษัท เฮงเค็ล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจเสริมสวยในปี 2550 คาดว่าจะเติบโตเพียง 2-3% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ตลาดรวมลดลงกว่า 10% ซึ่งนับว่าเป็นปีที่การเติบโตแย่ที่สุด สาเหตุหลักเนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและการเมือง

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังสามารถสร้างยอดขายให้เติบโตได้ตามเป้าหมายเป็นตัวเลข 2 หลัก และปีนี้น่าเติบโตระดับเดียวกัน เพราะรุกทำตลาดให้ถูกใจลูกค้าแต่ละกลุ่มมากขึ้น พร้อมทั้งเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนปรับปรุงสูตรเก่าให้สนองความต้องการ ประกอบกับมองว่าคนส่วนใหญ่ยังใช้จ่ายเพื่อความสวยงามของตนเอง ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดีก็ตาม

โดยปัจจุบันชวาร์สคอฟอยู่อันดับ 1 ใน 3 ของบริษัทที่ทำธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อเส้นผม ด้วยส่วนแบ่ง 34% ของมูลค่าตลาดรวมที่ขายผ่านร้านเสริมสวย 2,600 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับรายอื่นเพราะมีส่วนแบ่งต่างกัน 1-2%

ส่วนแผนการทำตลาดบริษัทฯจะเพิ่มความถี่การโฆษณาช่วงฤดูกาลมากกว่าปีก่อน 25% และเน้นจัดกิจกรรมทั้งปีผ่านทั้งทางตรงหรือทำโปรโมชั่นกับร้านเสริมสวยที่สั่งซื้อสินค้า และทางอ้อม อาทิ จัดฝึกอบรมผ่านร้านค้าส่งทั่วประเทศกว่า 100,000 ราย พร้อมทั้งโรดโชว์เทรนด์ผมใหม่ให้ช่างเสริมสวยตามจังหวัดต่างๆ และดึงช่างผมมืออาชีพ นายสมศักดิ์ ชลาชล เป็นทูตแห่งความทันสมัยของเส้นผมคนแรกในเอเชีย ซึ่งต้องเดินทางไปถ่ายทอดเทคนิค รวมถึงเทรนด์ผมโลกในประเทศมาเลเซีย เวียดนาม ไต้หวัน ฮ่องกง และฟิลิปปินส์

ปัจจุบันช่องทางการจำหน่ายสินค้าของชวาร์สคอฟจะเน้นขายผ่านร้านทำผมทั่วไปกว่า 1 -2 พันรายทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายอันดับแรกของชวาร์สคอฟ จะเป็นครีมทำสีผม และกลุ่มน้ำยาดัดผม มักจะเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยม สาเหตุเนื่องมาจาก กลุ่มลูกค้าจะเพิ่มความถี่ในการเปลี่ยนสีของเส้นผมและดัดผมเพื่อให้เข้ากับเทรนด์แฟชั่นของเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวตามฤดูกาลมากขึ้น จะเห็นได้จากผลสำรวจจากกลุ่มผู้ประกอบการร้านตกแต่งเส้นผมและร้านเสริมสวยมีจำนวนลูกค้าเพิ่มมากขึ้นซึ่งถ้าเปรียบเทียบเป็นความถี่ในการจัดแต่งสีผม 1 ครั้งต่อเดือน เปลี่ยนจากเดิมที่การเข้าเปลี่ยนของลูกค้าเฉลี่ย 3 ครั้งต่อเดือน นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มลูกค้าในเกณฑ์ที่ดี

ดังนั้นบริษัทฯจึงได้ปรับกลยุทธ์ในการสร้างตลาดให้เพิ่มขึ้น เพื่อตอบรับความต้องการ และนอกจากการนำผู้เชี่ยวชาญออกนำเสนอเทคนิครวมถึงสูตรผลิตภัณฑ์ให้ได้ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมใหม่ๆของสินค้าภายใต้แบรนด์ ยังมุ่งสู่ร้านเสริมสวยให้กับกลุ่มลูกค้า ผ่านร้านที่ใช้แบรนด์โดยตรงซึ่งในปัจจุบันร้านที่ใช้แบรนด์ ชวาร์สคอฟ อยู่ 100 แห่ง ทั่วประเทศ