อราทีส มุ่งสร้างแวลูให้ศิลปิน –นักแสดง หลังเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย คอนเสิร์ตจัดได้น้อย ล่าสุดเดินหน้ารุกหนัก ชู “สปอร์ต เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ มาร์เก็ตติ้ง” ปั้นเพิ่มอีก 3 ทีม คือ แบดมินตัน โบว์ลิ่ง และบาสเก็ตบอล หลังประสบความสำเร็จกับทีมฟุตบอล “จี แมน” กวาดรายได้เข้าประตูไปกว่า 10 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา มั่นใจปีนี้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 20%

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กรรมการผู้จัดการ อราทีส ในเครือ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ดูแลและบริหารศิลปินดารา ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จะพบว่าสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้อ ส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างๆมีการชะลอการใช้จ่ายเงิน โดยเฉพาะงบประมาณทางด้านการตลาด ซึ่งในฐานะที่อราทิส บริหารและดูแลในการหารายได้ของศิลปินดาราในสังกัดจีเอ็มเอ็ม ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

โดยเฉพาะทางด้านอีเวนต์ และคอนเสิร์ต ที่มองว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ลดลง ตัวศิลปินเองอาจจะมีรายได้จากช่องทางดังกล่าวลดลงตามไปด้วย ดังนั้นทางบริษัทฯจึงได้มองหาช่องทางในการสร้างรายได้ให้แก่ศิลปินเพิ่มเติม โดยเฉพาะในเรื่องของ กีฬา มองว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่น่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ศิลปินได้ค่อนข้างดี เห็นได้จากในปีที่ผ่านมา ที่ทางอราทีส ได้เปิดตัวทีมฟุตบอล ในนาม “จี แมน” ซึ่งได้รับผลตอบรับเป้นอย่างดี มีการแข่งขันประมาณ 11 ครั้งทั่วประเทศ และสามารถสร้างรายได้กว่า 10 ล้านบาท

ดังนั้นในปีนี้ทางบริษัทฯจึงได้สานต่อทางด้านกลยุทธ์ สปอร์ต เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ มาร์เก็ตติ้ง โดยได้เพิ่มทีมกีฬาขึ้นมาอีกกว่า 3 ชนิด คือ กีฬาบาสเก็ตบอล ทั้งทีมหญิงและชาย, กีฬาแบดมินตัน ทีมหญิงและชาย และกีฬาโบว์ลิ่ง ทีมหญิง และชาย โดยได้นำเอาศิลปิน ดารานักแสดงในสังกัดรวมไม่ต่ำกว่า 50 คน เข้ามาร่วม อาทิ เช่น มาช่า, ใหม่ เจริญปุระ, พิม ซาซ่า, นิโคล เทริโอ, มอส ปฏิภาณ และปู แบล็กเฮด คาดว่าในปีนี้ สปอร์ต เอ้นเตอร์เทนเม้นต์ มาร์เก็ตติ้ง จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 15-20 % จาก 10 ล้านบาท ที่ทำได้จากปีที่ผ่านมา

“การนำสปอร์ต เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ มาร์เก็ตติ้งเข้ามาใช้นั้น นอกจากจะเป็นการเพิ่มช่องทางหารายได้แก่ศิลปินแล้ว ยังเอื้อต่อลูกค้าที่ต้องการทำการตลาดอีกทางหนึ่ง ว่าศิลปินและนักแสดงในสังกัด นอกจากจะมีความสามารถทางด้านการร้องเพลง และการแสดงแล้ว การที่ลูกค้านอกจากจะใช้ศิลปินเหล่านี้เพียงเป้นพรีเซนเตอร์เท่านั้น ยังสามารถต่อยอดการทำการตลาด จากการใช้กลยุทธ์พรีเซนเตอรืต่อไปได้อีกด้วย”

ล่าสุดขณะนี้ทางบริษัทฯกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจากับลูกค้าประมาณ 2-3 ราย ในการที่จะดึงตัวศิลปินมาใช้เป้นพรีเซนเตอร์ และร่วมทำตลาดให้กับสินค้านั้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็น สินค้าด้านอุปโภคและบริโภค รวมไปถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่ง ความสำเร็จดังกล่าว มาจากการที่บริษัทฯสร้างการรับรู้แก่ลูกค้า จากการนำกลยุทธ์ สปอร์ต เอ้นเตอร์เทนเม้นต์ มาใช้นั้นเอง

ปัจจุบันอราทิส มีรายได้หลักจากการบริหารรายได้ของศิลปิน ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ 1.Live Per formance จาก งานอีเว้นต์ และ ผับ/บาร์ ประมาณ 40% อีก 60% มาจาก 1.Recording จาก ซีดี และวีซีดี 2.IT จากการดาวน์โหลดและเอสเอ็มเอส 3. Commercial 4.Acting 5.Special talent เช่น กีฬา ซึ่งในส่วนของกีฬานั้น คิดเป็นสัดส่วนรายได้ไม่ถึง 5 % จากรายได้รวมทั้งหมดของอราทิส