|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
อิทธิฤทธิ์สื่อรองฉุดงบโฆษณาฝ่าวิกฤติยืนแนวบวก หลังสื่อหลักอ่อนแรงถดถอยยกแผง นายกฯ โฆษณาชี้วัดดวงเดือนมีนา หวังสินค้าหน้าร้อนฉุดตลาด แต่คาดสิ้นปีขยับโตไม่เกิน 5 % ด้าน OHM ตีปีกหลังตลาดปีที่ผ่านมาพุ่งแตะ 8 พันล้าน เอ้าท์ดอร์ อินสโตร์ ยังรุ่ง ตั้งเป้าเติบโตอีก 10% ในปีนี้ ส่วนช่อง 3 รับอานิสงส์ สื่อทีวีคู่แข่งโดยปัญหาการเมืองรุมเร้า งบโฆษณาไหลเข้าคึกคัก มั่นใจสิ้นปีโต 2 หลัก
แม้ผลสำรวจการใช้งบโฆษณาผ่านสื่อในเดือนแรกของปี 2550 จากสำนักวิจัยนีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช จะแสดงตัวเลขการเติบโต แต่มีนัยยะน่าหวั่น มองตัวเงินที่ไหลเข้าสู่ธุรกิจ อาจเห็นว่ามีการมีการขยายตัวกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2549 อยู่เล็กน้อยไม่ถึง 2% แต่ก็เป็นการเติบโตที่ถูกประคับประคองไว้ด้วยสื่อเล็ก ๆ อย่างโรงภาพยนตร์ การโฆษณาภายในร้าน และสื่อกลางแจ้ง ขณะที่สื่อหลักทั้งทีวี วิทยุ รวมถึงสื่อสิ่งพิมพ์ที่แสดงอาการร่วงโรยมาตั้งแต่ปีก่อน มีการเติบโตติดลบถ้วนหน้า
ภาพของสื่อที่เห็นตลอดเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบว่า สื่อหลักอย่างทีวี สถานีใหญ่ทั้ง ช่อง 7 สี และช่อง 3 มีการนำสปอตโฆษณารายการของทางสถานีเองมาลงในช่วงนอกเวลาไพร์มไทม์ถี่ยิ่งขึ้น สถานีวิทยุก็เช่นกัน คลื่นเพลงชั้นนำส่วนใหญ่เปิดสปอตกิจกรรมของคลื่นวนไปมา จนบางครั้งมีการนำสปอตสินค้าของลูกค้าเปิดวนแถมให้ กลายเป็นกำไรของผู้ซื้อสปอตในช่วงเวลานี้ ยักษ์ใหญ่หนังสือพิมพ์หัวเขียว ก็ยังไม่แคล้วเจอปัญหาเดียวกัน ช่วงนี้กิจกรรมเพื่อสังคมที่ทางไทยรัฐตั้งขึ้น ได้พื้นที่ในการโฆษณาเต็มหน้าอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่เดิมพื้นที่เหล่านั้น มีทั้งค่ายเรียลเอสเตต ค่ายค้าปลีกจองคิวลงยาวเหยียดตลอดปี
วิทวัส ชัยปาณี นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย แสดงความเห็นว่า รู้สึกตกใจกับสถานการณ์ที่เห็นสื่อหลักร่วงลงยกแผง มูลค่าตลาดที่ทำได้เพียง 6,600 ล้านบาท น่าจะเกิดจากความกังวลถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในกรุงเทพฯ ที่เกิดขึ้นช่วงปีใหม่ จนถึงสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่นิ่ง แต่เชื่อว่า เมื่อเข้าสู่เดือนมีนาคม งบโฆษณาจะไหลกลับเข้าสู่ธุรกิจมากขึ้นแน่นอน
"ลูกค้าคงเริ่มชินชากับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แม้ภาพโดยรวมอาจจะยังไม่ดีขึ้น เมื่อถึงเดือนมีนาคมเชื่อว่าสินค้าที่มีฤดูขายในช่วงหน้าร้อนจะลอนช์โปรโมชั่นออกมา ทำให้งบโฆษณาจะถูกใช้มากขึ้น ช่วงนี้ผมก็เห็นมีหนังโฆษณาส่งเข้ามาเซ็นเซอร์ เตรียมออกอากาศในช่วงนั้นหลายเรื่อง ก็น่าทำให้สถานการณ์ดีขึ้น"
นายกสมาคมโฆษณาฯ กล่าวว่า แม้จะเห็นว่าสื่อหลักอย่างโทรทัศน์ และวิทยุ จะมีการเติบโตที่ถดถอย โดยเฉพาะสื่อวิทยุที่เติบโตติดลบ 11.82% แต่ก็ยังไม่น่าเป็นห่วงนัก เพราะเป็นการถดถอยในช่วงเวลาสั้น ๆ สภาพสังคมของประเทศไทย สื่อโทรทัศน์ยังคงเป็นสื่อหลักที่มีการเติบโตต่อไปได้ และสามารถปรับราคาค่าโฆษณาขึ้นได้อีก ขณะที่สื่อวิทยุ ยังมีการเติบโตที่ดีในบางสถานี โดยเฉพาะคลื่นซีด เอฟเอ็ม ของ อสมท ที่มีการออกอากาศทั่วประเทศเป็นครั้งแรก ส่งผลให้วิทยุกลายเป็นสื่อที่สามารถเข้าไปถึงจุดบอดหลาย ๆ ที่โดยเฉพาะในต่างจังหวัดห่างไกล ทำให้ลูกค้ามองเห็นเป็นสื่อที่มีความคุ้มค่า
ในส่วนของสื่อสิ่งพิมพ์ ทั้งหนังสือพิมพ์ และนิตยสาร ที่อยู่ในภาวะถดถอยราว 12-13% นายกสมาคมโฆษณาฯ กล่าวว่า อยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วง พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป สื่อสมัยใหม่เข้ามาแย่งลูกค้า ผู้อ่าน ทั้งรายการเล่าข่าวทางโทรทัศน์ เว็บไซต์ การส่ง SMS ส่งผลให้ผู้อ่านลดลง เจ้าของสินค้าเริ่มหันไปใช้สื่ออื่น โดยเฉพาะธุรกิจเรียลเอสเตท ที่เป็นธุรกิจที่ใช้สื่อสิ่งพิมพ์รายใหญ่ หันไปใช้สื่อเอ้าท์ดอร์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า
"ทั้งหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ต้องหันมามองตัวเองในระยะยาวให้เหมือนกับที่ธุรกิจเพลงดำเนินอยู่ในปัจจุบัน มองตัวเองเป็นเจ้าของคอนเทนท์ ที่ต้องมองหาช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เมื่อผู้บริโภคไม่สนใจสิ่งพิมพ์ หันไปบริโภคข่าวจากสื่อใหม่ ๆ สื่อสิ่งพิมพ์ก็ควรวิ่งเข้าหาช่องทางเหล่านั้น มิฉะนั้นคงอยู่ไม่ได้"
อย่างไรก็ตาม วิทวัส คาดการณ์ว่า มูลค่าตลอดทั้งปีของอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมโฆษณา ก็คงมีการเติบโตไม่มากไปกว่าปีที่ผ่านมาที่ทำได้ราว 5% โดยมีมูลค่าอยู่ราว 86,000 ล้านบาทต่อปีในปัจจุบัน
ช่อง 3 ส้มหล่นจากเหตุโมเดิร์นไนน์ - ไอทีวี ติดหล่มการเมือง
แม้การเติบโตของสื่อโทรทัศน์ในเดือนมกราคม จะสะดุดติดลบลงไปเล็กน้อยที่ 0.05% แต่ดูเหมือนว่า จะมีเหตุผลมาจากความไม่มั่นใจในสถานการณ์บ้านเมืองช่วงสั้น ๆ ที่อาจไปกระทบกับบางสถานีเท่านั้น ฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท บีอีซี เวิล์ด จำกัด(มหาชน) กล่าวมั่นใจว่า แนวโน้มการเติบโตของช่อง 3 ในปีนี้จะดีขึ้นอย่างแน่นอน โดยในส่วนของผู้ชมเดือนมกราคมพบว่า มีส่วนแบ่งจำนวนผู้ชมมากขึ้นกว่าเดือนธันวาคมปีก่อน จาก 26.9% เพิ่มเป็น 30.4 % ขยับเข้าใกล้ผู้นำอย่างช่อง 7 สี ที่มีส่วนแบ่งอยู่ 38.7% มากขึ้น นอกจากนั้น เม็ดเงินโฆษณาก็มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 7.06% สูงกว่าช่อง 7 สี ทำเติบโตเพียง 3.27% สวนทางกับการเติบโตที่ถดถอยของสถานีที่มีส่วนร่วมกับปัญหาการเมือง เช่น โมเดิร์นไนน์ ช่อง 11 และไอทีวี ที่เติบโตลดลง 16.73%, 5.2% และ 1.77% ตามลำดับ
ฉัตรชัยกล่าวว่า ในขณะนี้บริษัทฯ เริ่มเห็นสัญญาณการเติบโตของโฆษณาในช่อง 3 ชัดเจนขึ้น จากยอดการจองโฆษณาในเดือนกุมภาพันธ์ ที่สูงถึง 90% และยอดจองเต็ม 100% ในเดือนมีนาคม หลังจากที่เดือนมกราคมที่ผ่านมามียอดโฆษณาเพียง 80%
ทั้งนี้ช่อง 3 ก็ได้เตรียมปรับผังรายการเพื่อสร้างช่วงเวลารองรับโฆษณาที่จะไหลเข้ามาเพิ่มขึ้น อาทิ การเพิ่มเวลารายการเรื่องเล่าเช้านี้ จาก 1.30 ชั่วโมง เป็น 2 ชั่วโมง และการปรับเวลาละครหลังข่าว จากเดิมที่เคยลดเหลือ 1 - 1.30 ชั่วโมง ในช่วงเศรษฐกิจซบเซา กลับมาเป็น 2 ชั่วโมง รับโฆษณาที่ขณะนี้เต็มตลอดสัปดาห์
ฉัตรชัย ตั้งเป้าว่า แม้สภาพอุตสาหกรรมโฆษณาจะไม่สดใสนัก แต่การเติบโตของช่อง 3 ในปีนี้ น่าจะทำได้ในระดับตัวเลข 2 หลัก อย่างแน่นอน
สื่อ OHM มั่นใจเติบโตได้ถึง 10%
ด้านสื่อดาวรุ่งที่มีการเติบโตน่าจับตามอง สื่อนอกบ้าน สิริพร สงบธรรม บรรณาธิการ นิตยสาร OHM นิตยสารที่นำเสนอข้อมูลสื่อนอกบ้าน (Out of Home Media) กล่าวว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดของสื่อนอกบ้านเพิ่มสูงขึ้นถึงกว่า 8,000 ล้านบาท สาเหตุจากพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านถึง 70% ในเวลา 24 ชั่วโมง การเกิดของสื่อใหม่ ๆ เช่น บนรถไฟฟ้า ในโรงภาพยนตร์ บนรถประจำทาง ณ จุดขาย หรือกระทั่งภายในห้องน้ำสาธารณะ สามารถตอบสนอง และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างไม่มีขีดจำกัด
แต่สิริพรก็ยอมรับว่า ปัจจัยแวดล้อมจากสถานการณ์บ้านเมือง อาจมีผลต่อการเติบโตของสื่อนอกบ้านบ้าง เจ้าของธุรกิจส่วนหนึ่งยังคงชะลอการใช้งบโฆษณา เพื่อรอดูความมั่นใจในสถานการณ์ และดูท่าทีทิศทางของรัฐบาล ซึ่งหากความชัดเจนเกิดขึ้นเร็ว ก็เชื่อว่าจะส่งผลให้สื่อนอกบ้านเติบโตขึ้นมากได้
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า พัฒนาการของสื่อนอกบ้านที่เด่นชัดมากขึ้น เช่น จอภาพสามมิติ สื่อโฆษณาเลียนแบบสินค้าจริง การโฆษณาไตรวิชั่น สื่อเคลื่อนไหวได้ และเครื่องมือยิงเลเซอร์ขึ้นฟ้า จะสร้างความแปลกใหม่ตอบโจทย์ความต้องการเครื่องมือสื่อสารการตลาดที่มีประสิทธิภาพของเจ้าของสินค้า ทำให้ ตลอดทั้งปีมูลค่าตลาดของสื่อนอกบ้านจะเติบโตขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาได้ถึง 10% อย่างแน่นอน
|
|
|
|
|