Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน6 มีนาคม 2546
แบงก์ประสานเสียงดอกเบี้ยลงอีก หม่อมอุ๋ยยันไม่ติดลบ             
 


   
search resources

Banking




ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการปรับลดอัตรา ดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ ที่ทำให้เกิดความวิตกว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะติดลบ โดยยืนยันว่า ธปท.จะดูแลไม่ให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ โดยจะดูแลอัตราดอกเบี้ย เงินฝากประจำ 3 เดือน และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน เพื่อให้มีผลกระทบกับผู้ฝากเงินน้อยที่สุด ส่วนการที่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 24 เดือนลง 0.75% เหลือ 2% ไม่มีผลกระทบต่อระบบแต่อย่างใด เป็นเพียงการปรับกลยุทธ์การบริหารสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์

ธปท.ได้รายงานถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปี 2546 ว่าปีนี้มีโอกาส ที่จะลดลงได้อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝาก เนื่องจากยังมีสภาพคล่องเหลือจำนวนมาก โดยล่าสุด ธปท. ได้รายงานตัวเลขอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือนถัวเฉลี่ยของระบบธนาคารพาณิชย์ ว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 ของปี 2545 นั้น อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเฉลี่ยอยู่ที่ 1.88 %ต่อปี เทียบกับ 2.25 % ณ สิ้นปี 2544 โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยอยู่ที่ 1.93 % และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศอยู่ที่ 0.99 %

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อไตรมาสที่ 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 1.4 % และยังต้องเสีย ภาษีเงินได้อีก 15 % ของเงินฝาก ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยอยู่ที่ระดับประมาณ 0 % และคาดว่าในปีนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของดอกเบี้ยเงินฝากจะอยู่ในอัตราที่ติดลบ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อปีนี้คาดว่าจะสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงิน กู้นั้น ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน แต่ยังลดลงในอัตราที่น้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2545 ของระบบธนาคารพาณิชย์ 6.69% เทียบกับ 7.125 % ณ สิ้นปี 2544 ทำให้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ อยู่ที่ 4.81 %

เจ้าสัวชาตรียันลดดอกเบี้ยฝาก

2 ปีไม่กระทบสภาพคล่อง

นายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 24 เดือนลง 0.75 %นั้น ไม่มีผลเกี่ยวกับสภาพคล่องของธนาคารมากนัก เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 24 เดือนเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับสัดส่วนลูกค้าเงินฝากประเภทอื่นๆ ซึ่งเชื่อว่าลูกค้าของธนาคารจะไม่โยกเงินหนี้ไปฝากกับธนาคารพาณิชย์อื่นๆ

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีเงินฝาก 24 เดือนไหลเข้ามาสู่เงินฝากระยะ 3-6 เดือนบ้าง เพราะจะให้ผลตอบแทนที่รวดเร็วกว่า รวมทั้งสามารถโยกย้ายไปลงทุนในรูปแบบอื่นๆ ได้คล่องตัวมากกว่าเงินฝากระยะยาว

"การที่ธนาคารปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้ แบงก์ชาติไม่ได้ว่าอะไร แต่จะเป็นการช่วย ให้สภาพคล่องให้ดีขึ้นมากกว่ารวมทั้งการลดเงินฝากประจำ 24 เดือนก็ไม่ส่งผลกระทบเพราะลูกค้ามีจำนวน น้อย" นายชาตรีกล่าว

ราคาน้ำมันกับการลงทุนมีผลต่อดอกเบี้ย

สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์นั้น จะขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องของราคาน้ำมันและการลงทุน หากราคาน้ำมันยังปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นระยะเวลา 6 เดือน จะส่งผลกับสภาพคล่องส่วนเกินให้ลดลงได้บ้าง รวมทั้งการลงทุนเริ่มจะขยายตัวตามการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจ จะทำให้ธนาคารพาริชย์ปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น สภาพคล่องจะลดลงตามกลไกตลาด

ทหารไทยกำลังพิจารณาลดดอกเบี้ยตามแบงก์ใหญ่

นายอรรคเดช พีชผล กรรมการ และ ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยอยู่ แต่ยังไม่สามารถระบุว่าจะปรับลด เงินฝากประเภทใดทั้งเงินกู้ และเงินฝาก แต่หากมองถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดคาดว่าจะปรับลด ลงได้อีกเนื่องจากสภาพคล่องในระบบมีอยู่มาก โดยปัจจุบันธนาคารมีสภาพคล่องประมาณ 1 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินชื่อสุทธิจำนวน 2 หมื่นล้านบาท โดยกระจายทุกกลุ่มธุรกิจ สำหรับสินเชื่อรายใหญ่ คาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องเพราะเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวดี

กสิกรไทยชี้ดอกเบี้ยมีโอกาสปรับลงอีก

ศูนย์วิจัย ธนาคารกสิกรไทย รายงานว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะยาว 24 เดือนของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่นั้น เป็นการสะท้อนถึงท่าทีที่ระมัดระวังที่จะกระทบกับผู้ฝากเงินประเภทอื่นๆ โดยยอดเงินฝากประเภท 2 ปี ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2545 มีจำนวน 713 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 13.55% ของเงินฝากทั้งระบบประมาณ 5,262 พันล้านบาท ถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยเมือเทียบกับสัดส่วนเงินฝากประเภท 3 เดือนและ 6 เดือน

แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอาจจะปรับตัวลดลงได้อีก ทั้งนี้หากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโต อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มอยู่ในทิศทางขาขึ้น ธนาคารพาณิชย์น่าจะบริหารสภาพคล่องโดยให้โครงสร้างต้นทุนดอกเบี้ยจ่าย หรือภาระหนี้ของตน มีความโน้มเอียงไปในประเภทระยะยาวมากกว่าระยะสั้น ในทางตรงกันข้าม หากธนาคารพาริชย์มีการปรับโครงสร้างเงินฝากโดยให้โครงสร้างต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายมีความโน้มเอียงไปในประเภทระยะสั้นมากขึ้น ย่อมสะท้อนถึงการคาดการณ์ของธนาคารพาณิชย์ต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ว่าจะเป็นไปในทิศทางขาลง

ธปท.เปิดทางให้แบงก์ต่ออายุบัตรเครดิต

ผู้มีรายได้ต่ำ 15,000 บาท

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ส่งหนังสือเวียนถึงธนาคารพาณิชย์ไทยและสาขาธนาคารต่างประเทศทุกธนาคาร เพื่อทำความเข้าใจเรื่องคุณสมบัติของผู้ถือบัตรตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจบัตรเครดิตของธนาคารพาณิชย์

โดยกรณีผู้ถือบัตรรายเดิมต่ออายุบัตรเครดิตใหม่ หากผู้ถือบัตรเครดิตหรือผู้บริโภคดังกล่าวมีรายได้รวมไม่ถึง 15,000 บาทต่อเดือนหรือไม่ถึง 180,000 บาทต่อปี แต่มีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ใดๆ และมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีต่อเนื่องกัน ธนาคารพาณิชย์อาจใช้เป็นเหตุผลประกอบการพิจารณาให้ผู้ถือบัตรรายเดิมที่จะต่ออายุบัตรเครดิต ใหม่เป็นผู้มีฐานะทางการเงินเพียงพอสำหรับการชำระเงินตามบัตรเครดิตได้

สาเหตุที่ธปท.ได้ผ่อนผันให้นั้น เนื่องจาก ผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิตหลายแห่งได้หารือมายังธปท. เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ถือบัตรเครดิต เพื่อให้เกิดความชัดเจนและมีความเข้าใจตรงกัน ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองว่าจะกระทบกับธุรกิจได้ นอกจากนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีระบบป้องกันความเสี่ยงระดับหนึ่ง    




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us