Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์5 มีนาคม 2550
แผนระดมทุนดีเวลลอปเปอร์สะดุดรอแบงก์ชาติชี้ชะตากองทุนอสังหาฯ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย
โฮมเพจ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, บมจ.
Real Estate




แผนระดมทุนดีเวลลอปเปอร์ผ่านกองทุนอสังหาฯ สะดุด หลังแบงก์ชาติคลอดมาตรการสกัดเก็งกำไร ซีบี ริชาร์ดฯ เผยหากมาตรการไม่เปลี่ยนอาจต้องปรับลดสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติแทน คาดอนาคตกองทุนจะผสมผสานหลายรูปแบบสินทรัพย์ในกองเดียว

หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาทเมื่อ 19 ธ.ค. 2549 ที่ผ่านมาจนสะเทือนถึงการลงทุนไปทั่วทั้งระบบนั้น แม้ภายหลัง ธปท. ได้ออกมาประกาศผ่อนปรนถึง 2 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา โดยล่าสุดกำหนดให้วิธีป้องกันความเสี่ยง (Hedging) เป็นหนึ่งในตัวเลือกของนักลงทุนแทนการกันสำรอง 30% แต่ในมุมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ยังเป็นจุดสะดุดของนักลงทุนต่างชาติอยู่เช่นเดิม เพราะการผ่อนปรนดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมถึงการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา หนึ่งในวิธีการระดมทุนของดีเวลลอปเปอร์ คือ การจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ โดยสินทรัพย์ที่ขายเข้ากองทุนจะเน้นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง เช่น อาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีกให้เช่า เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เป็นต้น ข้อดีของการระดมทุนด้วยวิธีนี้ คือ ได้สิทธิพิเศษทางภาษี เกิดสภาพคล่องในทรัพย์สิน มีต้นทุนต่ำกว่าการกู้จากสถาบันการเงินทั่วไป รวมทั้งยังสามารถคงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์นั้นได้เมื่อหมดช่วงเวลาที่กำหนดไว้

จากแรงจูงใจทั้งหมดทำให้ในช่วงที่ผ่านมาดีเวลลอปเปอร์หันมาระดมทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาฯ กันมาก โดยใช้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากมาเป็นจุดขาย มีสภาพคล่องสูง เพราะสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดหลักทรัพย์ได้ และสามารถลงทุนโดยตรงได้โดยไม่ต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งในปีที่แล้วมีการเปิดตัว 4 กองทุนใหม่ออกสู่ตลาดรวมมูลค่า 23,268 ล้านบาท ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาฯ ทียูโดมเรสซิเด้นท์เชียล คอมเพล็กซ์ (TU-PF) มูลค่า 1,065 ล้านบาท, กองทุนรวมอสังหาฯ สนามบินสมุย (SPF) มูลค่า 9,500 ล้านบาท, กองทุนรวมอสังหาฯ ฟิวเจอร์พาร์ค (FUTUREPF) มูลค่า 4,733 ล้านบาท และกองทุนรวมอสังหาฯ ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) มูลค่า 7,970 ล้านบาท

หากพิจารณาใน 13 กองทุนรวมอสังหาฯ ในไทยที่มีมูลค่ารวมกว่า 41,000 ล้านบาทพบว่า ส่วนใหญ่มีสัดส่วนนักลงทุนเป็นต่างชาติถึง 35-40% ของมูลค่ากองทุนรวมอสังหาฯ ทั้งตลาด และบางกองทุนมีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติถือสูงถึง 80% แทบจะเรียกได้ว่าการระดมทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาฯ จะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า ดีเวลลอปเปอร์ที่หวังจะระดมทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาฯ ในปีนี้ ทั้งจัดตั้งกองทุนใหม่ หรือระดมเพิ่มผ่านกองทุนเดิมจะได้รับผลกระทบรุนแรงเพียงใด เพราะตราบใดที่ ธปท. ยังไม่มีมาตรการผ่อนปรนสำหรับการลงทุนของต่างชาติในกองทุนรวมอสังหาฯ ออกมา ฟากดีเวลลอปเปอร์ก็ไม่กล้าที่เปิดขายกองทุน รวมทั้งนักลงทุนที่ไม่กล้านำเงินเข้ามา เนื่องจากจะต้องทำตามเกณฑ์หักกันสำรอง 30%

อรรณพ แสงประสิทธิ์ กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายประเมินราคาทรัพย์สิน ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้มีกองทุนรวมอสังหาฯ ขนาดกลาง มูลค่าต่อกองทุนประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท เตรียมจะเปิดตัวประมาณ 2- 3 กองทุน มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท และยังมีกองทุนขนาดใหญ่กองทุนหนึ่ง ที่มีมูลค่าถึง 20,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจา แต่ต้องชะลอแผนการเปิดตัวออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากมาตรการของ ธปท. ไม่เอื้ออำนวยต่อกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยยังรอดูสถานการณ์ไปก่อน

กองทุนรวมอสังหาฯ ที่มีแผนจะเปิดตัวในปีนี้ แต่ได้ชะลอออกไป ได้แก่ CPN รีเทลโกรท (CPNRF) ของเซ็นทรัลพัฒนาเพิ่มทุนอีก 7,000 ล้านบาท เป็น 18,000 ล้านบาท, กองทุนรวมอสังหาฯ โดย บลจ.เอ็มเอฟซี มูลค่า 8,000 ล้านบาท ลงทุนในโรงแรม และแหล่งท่องเที่ยวในอ่าวไทย, กองทุนรวมอสังหาฯ โดย บลจ.กสิกรไทย มูลค่า 10,000 ล้านบาท ลงทุนในเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ของโกลเด้นท์แลนด์ที่ ซ.หลังสวน และกองทุนรวมอสังหาฯ ของเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป มูลค่า 3,000 ล้านบาท ลงทุนในโรงภาพยนตร์สาขารังสิตและรัชโยธิน

อรรณพ คาดว่า หาก ธปท. ไม่มีการผ่อนปรนให้ บริษัทจัดการกองทุนอาจจะต้องปรับแผน หันมาเน้นนักลงทุนรายย่อยในประเทศมากขึ้นแทน เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ ด้านรูปแบบของกองทุนในอนาคตจะมีการผสมผสานสินทรัพย์หลายประเภทภายในกองทุนเดียวกันมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เตรียมจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์อีก 500 ล้านบาท โดย ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า “บริษัทมีแผนจะนำบ้านพร้อมอยู่ส่วนหนึ่งในโครงการ เพอร์เฟค เพลส รามคำแหง-สุวรรณภูมิ มาจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์(Property Fund) เนื่องจากโครงการดังกล่าวอยู่ติดกับโรงเรียนนานาชาติร่วมฤดีวิเทศศึกษา และอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ จึงมีความเป็นไปได้สูงในการเปิดให้เช่า ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากการขายบ้านเท่ากับที่เราขายให้กับกองทุน โดยมีเป้าหมายคือ กลุ่มสถาบันภายในประเทศ”

สำหรับโครงการดังกล่าว มีบ้านจำนวน 40 กว่าหลัง เจาะกลุ่มชาวต่างประเทศที่เข้ามาทำงานในไทยและรวมถึงอาจารย์ที่สอนอยู่ในโรงเรียนนานาชาติ ขณะนี้จากการรวบรวมมีผู้แสดงความต้องการเข้ามาเช่ากว่า 30 ราย โดยอัตราการเช่าต่อเดือนตั้งแต่ 60,000-80,000 บาท โดยขนาดของกองทุนจะอยู่ประมาณ 500 ล้านบาท และเหมาะที่จะขายนักลงทุนในประเทศ อัตราผลตอบแทนประมาณ 8.5% (ยังไม่หักค่าใช้จ่ายแก่บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุนรวมประมาณ 1.5% ) คาดว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นและเริ่มดำเนินการได้ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us