กิตติพัฒน์ ยังดื้อตาใสเตรียมยื่นอุทธรณ์มติบอร์ดตลาดขึ้นบัญชีดำ 10 ปี หลังผลประชุม
ผู้ถือหุ้น ยืนยันเข้าร่วมประชุมวันนี้ เพื่อชี้แจงข้อมูลผู้ถือหุ้น ด้านตลาด หลักทรัพย์
เผยยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วัน เชื่อหลักฐานมัดความผิดชัด เหตุผลที่เอามาอ้างฟังไม่ขึ้น
นายกิตติพัฒน์ เยาวพฤกษ์ ประธานกรรมการบริษัทรอยเนท จำกัด (มหาชน) หรือ ROYNET
เปิดเผยว่า ตนเองจะยื่นอุทธรณ์ในเร็วๆ นี้ ภายหลังจากการที่คณะกรรมการ(บอร์ด)ตลาดหลักทรัพย์มีมติให้ใส่ชื่อตนเองในบัญชีรายชื่อบุคคลที่ตลาดหลักทรัพย์เห็นว่าไม่สมควรเป็นผู้บริหารเป็นเวลา
10 ปี
โดยวันนี้ (28 ก.พ.46) ตนเองยังคงยืนยันที่จะเข้าร่วมการประชุม ผู้ถือหุ้น ในฐานะประธานของการประชุม
และขณะนี้ตนเองก็ได้รับการมอบฉันทะในการเข้าร่วมประชุมจากผู้ถือหุ้นที่มีความใกล้ชิดบางคนแล้ว
แต่ไม่ใช่การรับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้น ในต่างจังหวัด ตามที่มีผู้ถือหุ้นบางกลุ่ม
กล่าวหาแต่อย่างใด
ดังนั้น ในการประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ตนเองจะนำเอกสารหลักฐานทุกอย่างเข้าชี้แจงเพื่อให้ผู้ถือหุ้นเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
รวมถึงชี้แจงแผนการดำเนินของบริษัทในอนาคต
รอผลประชุมผู้ถือหุ้น
ด้านนายธานี ศรีสำราญ หัวหน้ากฎหมายธุรกิจ ในฐานะทนายความของบริษัทรอยเนท กล่าวว่า
การยื่นอุทธรณ์ของนายกิตติพัฒน์ จากการที่ตลาดหลักทรัพย์สั่งขึ้นบัญชีดำไม่ให้นายกิตติพัฒน์เป็นผู้บริหารในระยะเวลา
10 ปีนั้น คงต้องรอผลการประชุมผู้ถือหุ้นในวันนี้ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ถึง จะชี้ชัดได้
แต่คาดว่านายกิตติพัฒน์เองคงจะเสนอเรื่องในการยื่นอุทธรณ์กับทางตลาดหลักทรัพย์อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดีการขึ้นบัญชีดำของตลาดหลักทรัพย์ คงไม่มีผลต่อการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น
ในวันนี้อย่าง แน่นอน เพราะตามกฎหมายนายกิตติพัฒน์ สามารถเข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมการผู้บริหารได้ตามปกติ
เนื่องจากได้ขออนุญาตในการเปิดการประชุมในวันนี้ แต่การเข้าร่วมประชุมนายกิตติพัฒน์
อาจไม่มีอำนาจในการออกเสียง แต่หากผู้ถือหุ้นรายย่อยมอบฉันทะให้กับนายกิตติพัฒน์ก็มีสิทธิที่จะออกเสียงแทนผู้ถือหุ้นที่มอบฉันทะได้
มั่นใจหลักฐานมัดอุทธรณ์ไม่ขึ้น
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ประธานกรรมการศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า นายกิตติพัฒน์ เยาวพฤกษ์ มีสิทธิ์ที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ(บอร์ด)
ตลาดหลักทรัพย์ หลังจากบอร์ดตลาดหลักทรัพย์มีมติให้ใส่ชื่อไปในบัญชีรายชื่อบุคคลที่ตลาดหลัก
ทรัพย์เห็นว่าไม่สมควรเป็นผู้บริหาร หรือกรรมการ บริษัทรอยเนทและบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา
10 ปี ภายในระยะเวลา 15 วันโดยบอร์ดตลาดหลักทรัพย์จะพิจารณาไม่เกินระยะเวลา 30
วัน
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากเนื้อหาความผิด ซึ่งหน่วยงานทางการได้กล่าวโทษนายกิตติพัฒน์แล้วนั้น
เข้าข่ายมีความผิดจริงเพราะความผิดที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ชัดเจน
ซึ่งอาจจะกระทบกับผู้ถือหุ้นและเมื่อดูจากเหตุผลแล้วข้ออ้างก็ไม่น่าจะฟังขึ้น
ทั้งนี้ หากนายกิตติพัฒน์ไม่ยื่นอุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่กำหนด ตลาดหลักทรัพย์ก็สามารถ
ใช้มาตรา 172 ตาม พรบ.หลักทรัพย์ เพื่อให้บริษัทถอดถอนชื่อออกจากการเป็นกรรมการบริษัท
สำหรับการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทรอยเนทในวันนี้(28 ก.พ.) นายกิตติพัฒน์ สามารถเข้าร่วมประชุมได้
เพราะยังอยู่ในฐานะกรรมการบริษัท แต่จะสามารถใช้สิทธิ์ออกเสียงได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกิตติพัฒน์ได้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้นในการโหวตเสียงหรือไม่
แต่อย่างไรก็ดี ตลาดหลักทรัพย์ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่านายกิตติพัฒน์ได้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้นจำนวนเท่าไร
"เท่าที่มีเคสเปิดเผยการขึ้นบัญชีดำนายกิตติพัฒน์ในระยะเวลา 10 ปี ถือว่าหนักสุด
โดยเป็นระยะเวลาที่สูงสุดตามเกณฑ์ จากความผิดที่เกิดขึ้นในหลายกระทง และการดำเนินการค่อนข้างรวดเร็ว
เพราะเหตุการณ์มีความต่อเนื่อง และเพื่อให้ผู้ถือหุ้นสามารถนำไปประกอบการตัดสินใจ
ในประชุมผู้ถือหุ้น" นางโสภาวดีกล่าว
ด้านนางศรัณยา จินดาวณิค ผู้อำนวยการ สำนักเลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต. เปิดเผยว่า
การกล่าวโทษนายกิตติพัฒน์ ของ ก.ล.ต. ต่อสำนักงานสอบสวนสืบสวนคดีเศรษฐกิจ (สศก.)
เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตามกระบวนการยุติธรรมนายกิตติพัฒน์สามารถแก้ต่างได้
แต่ไม่สามารถอุทธรณ์เพราะใช่คำสั่งทางปกครอง
อย่างไรก็ดี การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. และการขึ้นบัญชีดำของตลาดหลักทรัพย์ โดยห้ามไม่ให้นายกิตติพัฒน์
เป็นผู้บริหารในระยะ 10 ปี นั้น ไม่ถือเป็นอำนาจเพื่อสั่งปลดผู้บริหาร การปลดผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนเป็นอำนาจของผู้ถือหุ้น
แต่การที่บริษัทจดทะเบียนยังคงมีผู้บริหารถูกขึ้นแบล็คลิส ก็จะเข้าข่ายถูกเพิกถอนออกจากตลาด
หลักทรัพย์ในอนาคต ดังนั้น หากบริษัทยังอยากจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ผู้ถือหุ้นก็ต้องปลดผู้บริหารออกจากตำแหน่ง
อนึ่งก่อนหน้านี้ บอร์ดตลาดหลักทรัพย์มีมติให้ใส่ชื่อนายกิตติพัฒน์ เยาวพฤกษ์
ในบัญชีรายชื่อบุคคลที่ตลาดหลักทรัพย์เห็นว่าไม่สมควรเป็นผู้บริหารเป็นเวลา 10
ปีซึ่งเป็นระยะเวลาสูงสุดตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ ว่าด้วยบัญชีรายชื่อบุคคลที่ตลาดหลักทรัพย์
เห็นว่าไม่สมควรเป็นผู้บริหาร พ.ศ. 2544 ซึ่งจะมีผลให้นายกิตติพัฒน์ไม่สามารถทำหน้าที่กรรมการผู้จัดการ
หรือผู้บริหารในบมจ.รอยเนทได้ และยังไม่สามารถดำรงตำแหน่ง กรรมการ หรือผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนอื่นๆ
เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2546 ถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556