|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บล.ซิกโก้ แนะนักลงทุนทยอยซื้อหุ้นครึ่งปีหลังเพื่อรอรับผลตอแทนปี 51ที่สูง คาดกำไรบจ.โต10%จากปีนี้ ระบุตลาดหุ้นยังน่าสนใจลงทุนจากผลตอบแทนสูง12% พร้อมเชียร์ซื้อหุ้นที่อยู่อาศัย –แบงก์ –โรงพยาบาล ด้านบลจ.วรรณคาดดอกเบี้ยปีนี้ลดลง1%
วานนี้(27 ก.พ.)บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซิกโก้ จำกัด(มหาชน) จัดสัมมนา “จัดพอร์ตปลอดภัย ...ทำกำไรอัตโนมัติ ” โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัดนายธีรพันธุ์ จิตตาลาน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทหารไทยนายจักรกฤษณ์ อุทโยภาศ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซิกโก้ จำกัด (มหาชน)
นายจักรกฤษณ์ อุทโยภาศ กล่าวว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนปีนี้จะมีการเติบโต 4-5% และจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงน่าจะส่งผลทำให้ผลผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ 12% โดยค่าP/Eตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 8 เท่า ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตร10 ปี อยู่ที่ 4.5% จึงส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนหุ้นและพันธบัตรอยู่ที่ 6-8% และในปี 2551 คาดกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนจะเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2550 ดังนั้นบริษัทจึงแนะนำให้นักลงทุนทยอยเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส3-4 เพื่อรอรับผลตอบแทนที่ดีในปี 2551
ทั้งนี้จากกำไรบจ.ที่มีแนวโน้มการเติบโตขึ้นและหากปัจจัยการเมืองนิ่งไม่มีเหตุการณ์ในเชิงลบ และไม่มีเหตุระเบิดไม่เกิดขึ้นบ่อยมากรวมถึงจากสภาพคล่องของโลกล้นก็จะส่งผลให้เม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในแถบเอเซียรวมถึงตลาดหุ้นไทย บริษัทจึงคาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ 900 จุด ซึ่งP/Eตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ที่ 8 เท่า นั้นไม่ถือว่าถูกเพราะ กำไรบจ.เติบโตเพียง 4-5% เมื่อเทียบกับกำไรบจ.ในตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช่น ฟิลลิปปินส์ อินโดนีเซีย ที่บจ.มีกำไรสุทธิโต10%ขึ้นไป แต่การที่ดัชนีตลาดหุ้นสามารถปรับตัวในระดับนี้ได้ เพราะ ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง
สำหรับหุ้นกลุ่มที่บริษัทแนะนำลงทุนและมีความเสี่ยงน้อยที่สุดในการลงทุน คือ หุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัย จากการที่อัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวลดลง ราคาน้ำมันทรงตัว ส่งผลให้อำนาจการซื้อบ้านมีการสูงขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่ากำไรในปี 2551 จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 10% ค่าP/Eจะอยู่ที่ 9-11 เท่า ซึ่งน่าจะทำให้หุ้นกลุ่มดังกล่าวได้รับความสนใจเข้าไปลงทุน และหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล เพราะมีการเติบโตของผลประกอบการที่ดีจากชาวต่างประเทศมั่นใจที่จะเข้ามารักษาพยาบาลมากขึ้น
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าว่า ฝ่ายวิจัยของบริษัทคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยปีนี้ลดลงได้ 1% ในปีนี้ทำให้ปลายนี้อัตราดอกเบี้ยอาจจะอยู่ที่ 4% หรือน้อยกว่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้เม็ดเงินที่ฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ไหลออกมาเพื่อไปลงทุนด้านอื่นๆ ซึ่งส่วนตัวมองว่าทางเลือกหนึ่งในการลงทุน คือการลงทุนในหุ้น เพราะผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นนั้นก็จะได้รับเงินปันผลประมาณ 4.5-4.7% ซึ่งถือว่าน่าสนใจที่จะเข้ามาลงทุน
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทหารไทย กล่าวว่า จากการที่ไทยมีปัจจัยลบในเรื่องระเบิด ปัจจัยการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน นั้น ก็จะส่งผลให้การบริโภคมีการปรับตัวลดลง การลงทุนมีการชะลอตัว ซึ่งหากเศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ในระดับ 4% ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในแถบเพื่อบ้าน และการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันนี้ คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง0.25% หรือ 5% นั้น ก็จะส่งผลดีต่อการลงทุนในระยะกลาง
|
|
|
|
|