Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน28 กุมภาพันธ์ 2550
บิ๊กซีซื้อเวลายุบไม่ยุบ-มินิลีดเดอร์ไพร้ซ์             
 


   
www resources

โฮมเพจ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์

   
search resources

บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บมจ.
จริยา จิราธิวัฒน์
Retail




บิ๊กซียังลองผิดลองถูก 2 รูปแบบค้าปลีก ร้านลีดเดอร์ไพร้ซและร้านมินิบิ๊กซี อ้ำอึ้งไม่กล้าฟันธงยุบหรือไม่ยุบ ยังอยู่ระหว่างการศึกษา เผยปี 2550 อัดงบลงทุน 4,500 ล้านบาท ผุดเพิ่ม 4 สาขาพร้อมรีโนเวทสาขาเก่า ส่วนปีที่แล้วโกยรายได้เฉียด 5.9 หมื่นล้านบาท กำไร 2 พันล้านบาท

นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง การลงทุนธุรกิจในส่วนของร้านแบรนด์ ลีดเดอร์ไพร้ซ์ และร้านมินิบิ๊กซี ว่า ปัจจุบันธุรกิจทั้งสองรูปแบบนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและทดลองตลาด ยังไม่มีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมแต่อย่างใด

โดยในส่วนของร้านลีดเดอร์ไพร้ซ์นั้น ได้ทำการเปิดร้านมาแล้วประมาณ 5 ปี ปัจจุบันมีสาขาจำนวน 5 แห่ง เช่นที่ วงเวียนใหญ่ สุขุมวิท เป็นต้น ซึ่งจำหน่ายสินค้าเฮาส์แบรนด์เฉพาะของบิ๊กซีเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาผลประกอบการก็อยู่ในระดับที่ยังไม่น่าพอใจเท่าใด แต่บริษัทฯก็ยังคงทำการศึกษาอยู่ต่อไปว่าจะทำอย่างไร ล่าสุดเตรียมที่จะเปิดตัวสินค้าเฮาส์แบรนด์ในกลุ่มเสื้อผ้ารับช่วงซัมเมอร์นี้

ขณะที่ร้านมินิบิ๊กซีนั้น เปิดสาขาแรกไปแล้วที่ซอยอุดมสุข สุขุมวิท 103 เมื่อประมาณปีที่แล้ว เป็นตึกแถว 2 คูหา ประมาณ 300-400 ตารางเมตร มีเพียงสาขาเดียว ซึ่งที่ผ่านมาการทำตลาดรูปแบบนี้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะในเรื่องของการทำราคา ที่จะต้องเล่นเรื่องราคาถูก

อย่างไรก็ตาม นางสาวจริยา ไม่ได้ตอบอย่างชัดเจนว่า จะลงทุนทำต่อทั้งสองแบรนด์นี้หรือไม่หรือจะเลิกทำสำหรับแผนการลงทุนในปี 2550 นี้

บริษัทฯตั้งงบประมาณลงทุนไว้รวม 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็น งบลงทุนเปิดสาขาใหม่ 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วย สาขาลำพูน สาขาหางดงเชียงใหม่ สาขาสมุยสุราษฎร์ธานี สาขาชลบุรี ซึ่งจะทำให้บิ๊กซีมีสาขารวมทั้งสิ้นในปีนี้ เป็น 53 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มี 49 สาขา

ส่วนงบประมาณในการรีโนเวทสาขาเดิมนั้นตั้งไว้ 1,500 ล้านบาท เพื่อให้มีภาพลักษณ์ใหม่ทันสมัยและดึงดูดลูกค้าได้ เนื่องจากธุรกิจค้าปลีกนี้จะต้องมีการรีโนเวทใหม่ตลอดเวลา ขณะที่งบการตลาดปีนี้ตั้งไว้ประมาณ 10% จากยอดขายรวม โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตด้านยอดขายรวมปีนี้ไว้ที่ 10% ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว

ขณะเดียวกันในปีนี้มีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนซัปพลายเออร์ที่เข้าสู่ระบบดีซีใหม่ที่รองรับสินค้ากลุ่มนอนฟู้ดเป็น 60 รายจากปีที่แล้วที่ซัปพลายเออร์ประมาณ 20 รายที่สู่ระบบดีซีใหม่นี้ พร้อมกับแผนการบริหารสินค้าคงคลังที่จะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเป็นตัวหลักของต้นทุน จากเดิมที่ก่อนหน้านี้มีอินเวนทอรี่เดย์หรือ สินค้าคงคลังอยู่ที่ 50 กว่าวัน ปัจจุบันเหลืออยู่ที่ประมาณ 34 วัน

สำหรับกรณีที่ภาครัฐจะออกกฎหมายค้าปลีกฉบับใหม่มาบังคับใช้นั้น นางสาวจริยา กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลออกกฎหมายมาโดยให้มีความชัดเจน และเรื่องความเป็นธรรมในการค้า โดยส่วนตัวแล้วไม่อยากให้มองธุรกิจค้าปลีกเป็นเพียงธุรกิจอันเดียว แต่มันเป็นระบบ เป็นบริการ ที่เหมือนกับลอจิสติกส์เป็นซัปพลายเชน ที่เป็นกระบวนการส่งสินค้าไปยังผู้บริโภค มีผู้เกี่ยวข้องมากมาย การออกกฎหมายควรดูให้ทั้งระบบ

ปี49โกยรายได้เกือบ5.9หมื่นล้าน

นางสาวรำภา คำหอมรื่น รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน กล่าวว่า ผลประกอบการของบิ๊กซีเมื่อปี 2549 มียอดขายรวม 58,032.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 9.1% จากปี 2548 ที่ได้ประมาณ 53,194.5 ล้านบาท โดยปี 2549 มีกำไรสุทธิ 2,123.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% จากปี 2548 ที่มีกำไรประมาณ 1,882.8 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้นในปีที่แล้ว 2.65 บาท เพิ่มจากปี 2548 ที่มีกำไรต่อหุ้น 2.35 บาท

ทั้งนี้ในปีที่แล้วบริษัทฯมีการเปิดสาขาใหม่จำนวน 4 สาขา คือที่ แพร่ ราชบุรี ลำลุกกาปทุมธานี และ ปราจีนบุรี รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงสาขาเก่ารวม 11 สาขา ซึ่งทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น

จากรายงานการสำรวจของนีลเส็นมีเดียรีเสิร์ช พบว่า อัตราการเติบโตของธรกิจค้าปลีกในประเทศไทยเมื่อปี 2549 พบว่ามีการเติบโตโดยรวม 7.3% ขณะที่ตลาดในส่วนของซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต เติบโต 5.9% ส่วนบิ๊กซีเองนั้นมีการเติบโตมากถึง 9.4% นอกจากนั้นแล้วปริมาณการซื้อของลูกค้าที่บิ๊กซีมีมูลค่าต่อบิลต่อครั้งต่อคนเพิ่มขึ้นและมากที่สุดด้วยคือ ประมาณ 2,000-2,200 บาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us