|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“อภิรักษ์ โกษะโยธิน” วางแผนปั้นกรุงเทพมหานครเมืองคู่แฝดปักกิ่ง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม หวังดูดท่องเที่ยว-การลงทุนทั่วโลก ที่ต่อไปจะกลายเป็นรายได้หลักของ กทม. พร้อมร่วมมือทำประชาสัมพันธ์-เส้นทางท่องเที่ยว2 ประเทศ ขณะที่ กทม.ส่งข้าราชการไปศึกษาระบบจัดการโอลิมปิก 2008 ที่จีน เพื่อเตรียมความพร้อมหากไทยได้เป็นเจ้าภาพฯ
ปิดฉากงานตรุษจีนเยาวราช 2550 ไปอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่จีนส่งข้าราชการระดับสูงคือ เส้าเหว่ย ฉี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมพิธีเปิดงาน เพราะปกติแล้วช่วงตรุษจีน คนจีนมีธรรมเนียมว่าจะต้องอยู่บ้านกับครอบครัว แต่ตรุษจีนที่ไทยปีนี้เป็นปีพิเศษที่จีนให้ความสำคัญมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นพี่น้องระหว่างประเทศไทย กับสาธารณรัฐประชาชนจีนที่นับวันยิ่งมีน้ำมิตรต่อกัน และที่สำคัญตรุษจีนปีนี้ได้มีการแถลงถึงความคืบหน้าของความร่วมมือเมืองคู่แฝด กรุงเทพฯ-ปักกิ่ง ระหว่างผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร และผู้แทนกรุงปักกิ่ง ที่ร่วมกันทำขึ้นเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทั้ง 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วย
กทม.เปิดผลร่วมมือเมืองคู่แฝด
พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ฝ่ายการศึกษา กล่าวว่า ความร่วมมือเมืองคู่แฝดกรุงเทพฯ-ปักกิ่งนี้ เริ่มขึ้นตั้งแต่มีการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีน ครบ 30 ปี เมื่อปีที่ผ่านมา โดย อภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ประสานงานกับนายกเทศมนตรีปักกิ่ง ในการทำสัญญาบ้านพี่เมืองน้องกรุงเทพฯ-ปักกิ่งขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ได้เคยทำสัญญาร่วมกันมาในสมัยนายกรัฐมนตรี คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ แต่ถือว่ายังไม่มีความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมเกิดขึ้น
โดย 1 ปีที่ผ่านมา ทางผู้ว่ากทม.ได้เดินทางไปปักกิ่ง และผู้แทนปักกิ่งเองก็ได้เดินทางมาที่ประเทศไทย โดยสรุปไทย-จีนจะมีความแลกเปลี่ยนกัน 5 สาขา ได้แก่ ด้านสังคม ด้านวัฒนธรรม ด้านสาธารณสุข ด้านเกี่ยวกับโครงสร้างเมือง (Infrastructure) โดยเฉพาะด้านการทำถนนหนทาง และด้านการบริหารเมือง
“ด้านวัฒนธรรมเป็นด้านที่มีความร่วมมือชัดเจนที่สุด หลังจากผู้ว่าฯ กทม.ได้เดินทางไปปักกิ่งครั้งแรก พอกลับมาเมืองไทย ทางปักกิ่งก็ได้ส่งกายกรรมปักกิ่งมาแสดงที่กทม.ทันที โดยเปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี 10 รอบ ที่อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก และได้รับความนิยมจากคนไทยมาก”
หลังจากนั้นได้มีความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมหลายรายการได้แก่ การทำสัญลักษณ์เมืองคู่แฝดกรุงเทพฯ-ปักกิ่ง โดยปักกิ่งจะนำศาลาไทยที่ไทยทำส่งไปให้ ไปไว้ในสวนสาธารณะของปักกิ่ง ส่วนกรุงเทพฯ ก็จะมีการนำเก๋งจีน มาตั้งไว้ในสวนลุมพินี ซึ่งเก๋งจีนนี้ทางจีนจะเป็นคนออกแบบ มาสร้างให้ที่เมืองไทย โดยจะนำอุปกรณ์ก่อสร้างมาจากจีนทั้งหมด
นอกจากนี้ก็มีความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนภาษาจีน-ไทย จะมีการแลกเปลี่ยนทั้งครูและนักเรียนระหว่างกัน โดย ปักกิ่งจะส่งครูจีนจากมหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง ซึ่งเป็นต้นฉบับการเรียนการสอนภาษาจีนมาสอนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร และไทยได้ส่งครูไทยไปช่วยสอนภาษาไทยที่มหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่งด้วย
เปิดศูนย์การเรียนรู้ผังเมืองกทม.ต้นปีหน้า
อีกโครงการที่สำคัญคือ กทม.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูงานพิพิธภัณฑ์ผังเมืองของปักกิ่ง ซึ่งถือว่ามีความทันสมัยและได้รับความนิยมไปเยี่ยมชมจากประชาชนทั่วไปกันมาก คล้ายกับเป็นเมืองจำลองของไทย โดยจากการศึกษาพบว่าพิพิธภัณฑ์ผังเมืองของปักกิ่งนี้ มีการทำไว้อย่างดี เป็นผังเมืองจำลองมหานครปักกิ่งทั้งหมด ทั้งปัจจุบันและอนาคต ข้อดีคือสามารถวางแผนผังเมืองไว้ล่วงหน้า ซึ่งน่าจะมีประโยชน์กับไทยอย่างมาก กทม.จึงมีโครงการสร้างศูนย์การเรียนรู้ทางด้านการผังเมืองของกทม. อยู่ริมถนนวิภาวดี เขตดินแดง ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2550 หรือต้นปี 2551 ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านการผังเมืองของกทม.อย่างมาก รวมทั้งเป็นสถานที่เรียนรู้ของเยาวชนและประชาชนทั่วไปด้วย
ด้านการบริหารเมือง กทม.ได้รับเชิญให้เข้าชมและศึกษาการเตรียมความพร้อมการจัดงานโอลิมปิก 2008 ที่ปักกิ่ง โดยนายกเทศมนตรีปักกิ่งได้ส่งทีมงานมาบรรยายที่กทม.และได้เชิญผู้ว่าฯ กทม.ไปเยี่ยมชม สนามกีฬาหลัก และสนามกีฬารองที่เตรียมไว้ใช้ในการแข่งขันจริงงานโอลิมปิก 2008 ด้วย การดูงานครั้งนี้ กทม.มีความตั้งใจและให้ความสำคัญมาก เพราะกทม.เองก็อยากเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกในอนาคต ซึ่งจากการดูการทำงานของคณะกรรมการจัดงานของจีน พบว่าการเตรียมการรองรับโอลิมปิกมีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งสถานที่ สื่อมวลชน บ้านพักนักกีฬาฯ
ที่สำคัญการเตรียมงานโอลิมปิคของจีนครั้งนี้ถือเป็นการเตรียมงานที่ประสานความร่วมมือทั้งรัฐบาลและประชาชนอย่างมาก ประชาชนมีความพร้อมและตื่นเต้นกับงานโอลิมปิกที่จะมีขึ้น เพราะประชาชนถือว่าตนเองมีส่วนเป็นเจ้าภาพ จึงมีส่วนร่วมในการตกแต่งเมือง มีการติดตราสัญลักษณ์โอลิมปิคทั่วปักกิ่งและมีสินค้าที่ระลึกโอลิมปิกวางขายกันอย่างคึกคัก
“ประทับใจมาก เพราะไปที่ไหนคนจีนก็จะพูดถึงแต่โอลิมปิก ซึ่งมีความพร้อมในการเตรียมงานมาก น่าศึกษาว่าทำอย่างไรปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นบ้างในกทม.โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งเป็นแรงจูงใจที่จะทำให้กทม.มีการพัฒนามากขึ้น”
ด้านสิ่งแวดล้อม ปักกิ่งถือเป็นเมืองที่เป็นตัวอย่างการจัดระบบสิ่งแวดล้อมที่ดี เพราะปักกิ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ ที่จะเน้นการจัดพื้นที่สีเขียว ทางเดินเท้ากว้างขวาง ที่สำคัญได้มีการทำทางจักรยานตลอดทั้งเส้นทางของเมืองปักกิ่ง ซึ่งต่อไป กทม.วางแผนว่าทุกถนนเส้นใหญ่ ๆ ของกทม.จะต้องมีการสร้างทางจักรยาน เพื่อทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้นด้วย
เตรียมรองรับท่องเที่ยว-ดูดนักลงทุนทั่วโลก
ด้านเศรษฐกิจ จะมีการร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้ระหว่างกัน โดยกรุงเทพฯ-ปักกิ่งจะทำการประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวร่วมกัน จะมีการทำเส้นทางท่องเที่ยว กรุงเทพฯ -ปักกิ่ง ให้เพิ่มขึ้นด้วย
ในส่วนของกทม.จะเน้นการท่องเที่ยวแบบ Eco-town แหล่งท่องเที่ยวไฮไลท์ยังอยู่ที่เกาะรัตนโกสินทร์ และมีแหล่งท่องเที่ยวรองรับอีกหลายจุด โดยเฉพาะแหล่งการเรียนรู้ใหม่ ๆ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์เด็ก ที่จะรวมแหล่งท่องเที่ยวบริเวณสวนจตุจักรทั้งหมด ทั้งสวนรถไฟ และสวนผีเสื้อ ที่ได้ทำเป็นอุทยานการเรียนรู้แห่ง กทม. ที่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เพราะต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนนิยมมาชอปปิ้งที่สวนจตุจักร ตรงนี้ก็จะมีแหล่งท่องเที่ยวให้เด็ก ๆ สามารถมาเที่ยวและเรียนรู้ได้ด้วย นอกจากนี้ก็มีสวนกล้วยไม้พันธุ์ไม้หายากให้เยี่ยมชมกันด้วย อีกแหล่งท่องเที่ยวของกทม.ที่ได้รับความนิยมสูงใน 2-3 ปีที่ผ่านมา อย่างย่านราชประสงค์ที่เป็นที่รู้จักในนาม Shopping Street
อย่างไรก็ดีในด้านความร่วมมือกรุงเทพฯ-ปักกิ่ง ท้ายที่สุดจะทำให้ผู้บริหารทั้ง 2 ฝ่าย จะมีความสัมพันธ์กันใกล้ชิดมากขึ้น มีการนำความรู้ทั้งด้านวัฒนธรรม การพัฒนาเมือง คุณภาพชีวิต เทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้กับกทม. ซึ่งผลพลอยได้จะเกิดขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ซึ่งจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น อีกทั้งจะมีการขยายการท่องเที่ยวระหว่างกัน ซึ่งจะเป็นส่วนเพิ่มรายได้หลักให้กับกทม.ด้วย
โดยกทม.มีโครงการสำคัญที่กำลังเตรียมการคือ จะทำให้กทม.เป็นศูนย์กลางสำนักงานการลงทุนภูมิภาค ที่จะการให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับนักลงทุนมากขึ้นด้วย โดยจะมีการดูแลตั้งแต่สิทธิประโยชน์ด้านภาษี และดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวนักลงทุนด้วย ทั้งด้านโรงเรียนให้ลูกหลานและกิจกรรมของภรรยานักลงทุน ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบสิทธิประโยชน์ที่จะเป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาทำธุรกิจในกทม.มากขึ้น รวมทั้งนักธุรกิจ-นักลงทุนจากจีนด้วย
“จีนพัฒนาประเทศเร็วมาก มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ขณะที่กทม.เป็นเมืองที่มีศักยภาพสูง จึงควรพัฒนาไปพร้อม ๆกับจีนด้วย โดยกทม.จะเน้นเรื่องการบริการและฝีมือแรงงานไทย แม้จะมีค่าจ้างสูงกว่าจีนแต่ก็มีฝีมือดี ถือเป็นจุดแข็งสำคัญ” รองผู้ว่าราชการฯ ระบุ
|
|
|
|
|